ผู้ชมทั้งหมด 517
กบน.เตรียมหารือเร็วๆนี้ พิจารณารายละเอียดกู้เงินก้อนแรก หลังครม.เห็นชอบแผนกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯ วงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่ สกนช.เตรียมออกประกาศเชิญชวนสถาบันการเงินร่วมปล่อยกู้สัปดาห์หน้า คาดได้รับเงินก้อนแรกภายในเดือนพ.ย.นี้
หลังจากการประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2565 มีมติเห็นชอบแผนกู้เงินที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จะดำเนินการ 2 ส่วน คือ 1.การกู้เงิน 30,000 ล้านบาท เป็นการกู้เงินครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ดำเนินการตั้งแต่ ธ.ค.-ก.พ. 66 และ 2.การกู้เงิน 1.2 แสนล้านบาท เป็นการทยอยกู้เงินครั้งที่ 3 ถึงครั้งที่ 8 ดำเนินการตั้งแต่ ก.พ.-ก.ค. 66 นั้น
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เตรียมประชุมเร็วๆนี้ เพื่อพิจารณารายละเอียดกำหนดวงเงินกู้ครั้งแรก และแผนการชำระเงินกู้ที่ชัดเจน หลังจากมีการกำหนดกรอบวงเงินกู้ไว้ 1.7 แสนล้านบาท แต่กู้ได้สูงสุดเพียง 1.5 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ 6 ต.ค.2565-5 ต.ค. 2566 ซึ่งภายหลังครบระยะเวลา 1 ปี กองทุนฯ จะต้องกลับมาสู่ข้อกำหนดเดิมคือ มีวงเงินได้สูงสุดไม่เกิน 40,000 ล้านบาท และกู้ได้ครั้งละไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาทต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของวงเงินกู้ก้อนแรกนั้น กบน. จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะเริ่มต้นกู้เท่าไหร่ ซึ่งจะเป็นการทยอยกู้ อาจไม่ใช่ การกู้เต็มวงเงินครั้งแรกที่ 30,000 ล้านบาท แต่จะพิจารณาตามความจำเป็นในการใช้เงินเป็นหลัก และไม่ให้เป็นภาระหนี้ของประเทศ
ขณะเดียวกัน ระหว่างนี้ ทาง สกนช. กำลังจัดเตรียมรายละเอียดในขั้นตอนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนให้สถาบันการเงินต่างๆ ที่สนใจเข้าร่วมปล่อยกู้ในรูปแบบการประมูล คือ รายใดเสนอเงื่อนไขการปล่อยกู้ที่ดีที่สุด ก็จะได้รับการพิจารณา และน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการพิจารณาเลือกสถาบันการเงิน ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินกู้ก้อนแรกในเดือน พ.ย. 2565 นี้
สำหรับแผนการชำระหนี้คืนของกองทุนน้ำมันฯ ยังขึ้นอยู่กับวงเงินกู้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีจำนวนอยู่ที่เท่าไหร่ รวมถึงต้องพิจารณาสถานการณ์ราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม(LPG) ในขณะนั้นประกอบการด้วย แต่หากดูจากอตีตที่ผ่านมา ที่กองทุนน้ำมันฯ เคยกู้เงินอยู่ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาชำระหนี้หมดภายใน 3-4 ปี และกู้อีกครั้งสมัยวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และชำระหมดภายใน 1 ปี เป็นต้น
สำหรับ สถานะกองทุนฯ ล่าสุด ณ วันที่ 23 ต.ค. 2565 กองทุนฯ ติดลบรวม 128,353 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 85,587 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 42,766 ล้านบาท