ผู้ชมทั้งหมด 767
“การบินไทย” ฟื้นตัวเร็ว เงินสดในมือ 1.4 หมื่นล้าน ยื่นขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการใหม่ หลังมีความคืบหน้ามากขึ้นพร้อมเร่งแปลงหนี้เป็นทุน ขายหุ้นเพิ่มทุน 2.5452 บาทต่อหุ้น ระดมเงิน 80,000 ล้านบาทเสริมสภาพคล่อง มั่นใจทุนจะกลับมาเป็นบวกในปี 67 กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปี 68
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/07/F31BCD25-9720-4A50-BDFF-28BB020376D2-1024x768.jpeg)
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ก.ค.65) คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของศาลล้มละลาย เนื่องจากแผนฟื้นฟูมีความคืบหน้าไปมาก ประกอบกับผลการดำเนินงานเติบโตดีขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย รัฐบาลทยอยเปิดประเทศตามแผน ตั้งแต่การนำมาตรการ Test and Go มาใช้ในการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศ การทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางต่างๆ เรื่อยมาจนมาถึงการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ (1 กรกฎาคม 2565)
ประกอบกับประเทศต่างทั้งยุโรป เอเชีย อเมริกา ทยอยผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางมาตั้งแต่ปลายปี 2564 บริษัทจึงได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินและเส้นทางบินที่ให้บริการเพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการเติบโตด้านรายได้อย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน2564 เป็นต้นมา โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จำนวนผู้โดยสารรวมเฉลี่ยในแต่ละวันของการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12,568 และ 12,257 คนต่อวัน จาก 269 และ 4,929 คนต่อวันในช่วงเดือนเมษายน – เดือนตุลาคม 2564 อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในส่วนของการบินไทยช่วงดังกล่าวปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 75 และมีอัตราการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงไตรมาสที่ 3/2565 ที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/07/TG-HO-OFFICE_๒๑๐๔๒๒-1024x680.jpg)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/07/การบินไทยจอดเครื่อง-1024x576.jpg)
ขณะที่ความสำเร็จและคืบหน้าในการฟื้นฟูกิจการส่วนอื่นๆ ก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้มีความเหมาะสมต่อสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบิน การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการหาประโยชน์จากทรัพย์สินครองที่ไม่ได้อยู่ในแผนดำเนินธุรกิจทั้งจากการจำหน่ายและให้เช่าที่สร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทรวมเป็นเงินโดยประมาณกว่า 9,000 ล้านบาทที่นำมาใช้ในการดำรงกิจการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยไม่สร้างภาระแก่ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ ขณะที่กระแสเงินสดในมือปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ 14,000 ล้านบาท
การปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ อาทิ ต้นทุนอากาศยาน การซ่อมบำรุงอากาศยานและเครื่องยนต์อากาศยาน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลงในการปฏิบัติการบิน บุคลากรและสิทธิประโยชน์บุคลากรการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการหารายได้ ได้แก่ การปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านการพาณิชย์ การปฏิรูปด้านดิจิทัล การสร้างรายได้ใหม่จากหน่วยธุรกิจการบิน อาทิ การจัดทำความร่วมมือทางธุรกิจกับคู่ค้าที่มีศักยภาพในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า การพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด อาทิ ปาท่องโก๋การบินไทย และการเปิดให้บริการภัตตาคาร “อร่อยล้นฟ้า” ของหน่วยธุรกิจครัวการบิน การให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำสำหรับการขนส่งสินค้าของฝ่ายพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์การพัฒนาศักยภาพการให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยานและเครื่องยนต์อากาศยาน ทำให้บริษัทมีระดับกระแสเงินสดในการดำเนินกิจการที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ระดับความต้องการสินเชื่อใหม่ลดลงจากเดิม
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/07/874304-1024x576.jpg)
ทั้งนี้จากที่การบินไทยเริ่มมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นเลยต้องปรับแผนฟื้นฟูใหม่ โดยปรับแผนโครงสร้างหนี้ และโครงสร้างทุนใหม่ ซึ่งจะประกอบด้วย การดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวนประมาณ 31,500 ล้านหุ้น โดยมีเป้าหมายในการทำให้ส่วนทุนเป็นบวกเพื่อทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีความมั่นคงและเพื่อให้หลักทรัพย์ของบริษัทสามารถกลับไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง ด้วยแนวทางการให้สิทธิผู้สนับสนุนสินเชื่อใหม่มีสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนเดียวกับจำนวนหนี้สินเชื่อใหม่ที่บริษัทเบิกใช้จริง (Drawdown Amount) เป็นจำนวนเงินประมาณ12,500 ล้านบาท
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระหนี้เดิมของเจ้าหนี้ทางการเงินตามแผนด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยกระทรวงการคลังซึ่งเป็นทั้งเจ้าหนี้ทางการเงินและผู้ถือหุ้นหลักเดิมจะได้รับชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เงินต้นทั้งจำนวนเป็นทุน ในขณะที่เจ้าหนี้ทางการเงินกลุ่มอื่น ๆ และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เงินต้นจำนวน ร้อยละ 24.5 เป็นทุน โดยหนี้เงินต้นส่วนที่เหลือในอัตราร้อยละ 75.5 จะได้รับชำระหนี้จากกระแสเงินสดของการบินไทยตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนเดิม ซึ่งการแปลงหนี้เป็นทุนนี้จะทำให้การบินไทยสามารถมีส่วนทุนเพิ่มเติมและลดภาระหนี้ตามแผนลงได้ประมาณ 37,800 ล้านบาท
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อร้องรับการใช้สิทธิแปลงหนี้ดอกเบี้ยตั้งพักตามแผนเป็นทุน ที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น ซึ่งทำให้การบินไทยอาจสามารถลดภาระการชำระหนี้ดอกเบี้ยตั้งพักไปได้ประมาณ 4,845 ล้านบาท และจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการเห็นสมควรและไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม และในกรณีที่ไม่มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน หรือผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เต็มจำนวน ให้นำหุ้นส่วนที่มาเสนอขายให้แก่พนักงานบริษัท และหรือบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งคาดว่าจะสามารถระดมทุนให้แก่การบินไทยเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 25,000 ล้านบาท
ขณะที่การจัดหาสินเชื่อนั้นทางการบินไทยได้เตรียมแผนจัดหาสินเชื่อใหม่แบบสินเชื่อระยะยาว (Term Loan) ไม่เกิน6 ปี และ/หรือตราสารหนี้ที่มีอายุการไถ่ถอนไม่น้อยกว่า 6 ปี เป็นจำนวนไม่เกิน 12,500 ล้านบาท รวมทั้งการเตรียมการจัดหาสินเชื่อหมุนเวียน (Revolving Facility) ในวงเงินไม่เกิน 12,500 ล้านบาทเผื่อไว้อีกด้วย ทั้งนี้การดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนนั้นจะส่งผลให้รวมเป็นส่วนทุนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยการบินไทยคาดหมายว่าจะสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างทุนข้างต้นให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งหากการดำเนินการเป็นไปตามข้อเสนอข้อแก้ไขแผน ส่วนของทุนจะกลับมาเป็นบวกในปี 2567 และหลักทรัพย์ของบริษัทน่าจะสามารถกลับมาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2568
นอกจากนี้การบินไทยยังได้แก้ไขและเพิ่มเติมรายละเอียดการแผนการชำระหนี้ของเจ้าหนี้บางกลุ่ม เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อการปฏิบัติตาม และให้บริษัทมีความคล่องตัวในการดำเนินกิจการในภาวะที่อุตสาหกรรมการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและการชำระหนี้ของเจ้าหนี้เดิมตามแผนฟื้นฟูกิจการฉบับปัจจุบัน พร้อมกับการแก้ไขรายละเอียดในส่วนของผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการส่วนที่ไม่มีความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับบริบทและข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีความมั่นใจว่าการยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับความเชื่อมั่นแก่เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ผู้โดยสาร ลูกค้า ต่อการฟื้นฟูกิจการของบริษัท และเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการวางรากฐานเพื่อการเติบโตและสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตเพื่อให้บริษัทเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนในชาติภาคภูมิใจ เป็นสายการบินหลักที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศ และกำลังสำคัญในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะเวลาอันใกล้นี้
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้บริหารแผนการบินไทย กล่าวว่า จากปี 2562 การบินไทยมีหนี้สะสมราว 2 แสนล้านบาทปัจจุบันเหลืออยู่ราว 1.4 แสนล้านบาท คาดว่าภายหลังจากดำเนินการปรับแผนโครงสร้างหนี้ และโครงสร้างทุนใหม่ตามแผนฟื้นฟูแล้วเสร็จในปี 2568 มั่นใจว่าหนี้สะสมของการบินไทยจะลดลงต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามการปรับแผนฟื้นฟูใหม่คาดว่าขั้นตอนพิจารณาของศาลล้มละลายจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2565 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อโหวดแผนได้ภายในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565