ผู้ชมทั้งหมด 699
ครม. สัญจร ไฟเขียวกรอบกู้เงิน 3 หมื่นล้านบาท อุ้มราคาดีเซล ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ด้าน กระทรวงพลังงาน เดินหนัาทำรายละเอียดแผนกู้เงิน พร้อมเจรจากระทรวงการคลัง ลดภาษีน้ำมัน รับมือกรณีราคาตลาดโลกพุ่งไม่หยุด
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.สัญจร เห็นชอบการขออนุมัติกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ. เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ พ.ศ.…. โดยเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ เป็นจำนวนไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ 20,000 ล้านบาท
2.เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดให้ สกนช. จะต้องเสนอเหตุผลความจำเป็นในการกู้เงิน รายละเอียดการกู้เงิน (แผนการกู้เงิน แผนการใช้จ่ายเงินกู้ และแผนการชำระหนี้) ต่อ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติต่อไป ทั้งนี้ การกู้ยืมเงินของ สกนช. ถือเป็นการก่อหนี้สาธารณะ สกนช. จะต้องพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
3.อนุมัติการกู้ยืมเงิน โดยให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้ สกนช. ดำเนินการกู้เฉพาะวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามกรอบของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่ และจะดำเนินการกู้เงินเพิ่มเติมวงเงิน 10,000 ล้านบาท ได้ต่อเมื่อ ร่าง พ.ร.ฎ. มีผลบังคับใช้แล้ว
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงงาน ระบุ ขั้นตอนหลังจากนี้ ทางกระทรวงพลังงาน จะเริ่มเจรจาและส่งเอกสารการกู้เงินกับสถาบันการเงิน คาดว่า จะได้รับเงินกู้ประมาณเดือน เม.ย.-พ.ค. 2565 โดยระหว่างนี้กระทรวงพลังงานยังมีเงินเหลืออยู่ 4,515 ล้านบาท คาดว่า จะดูแลราคาดีเซลและราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ได้ถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 2564 นี้
นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) อาจต้องดึงเงินที่อยู่ในกรมบัญชีกลาง 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดการชำระหนี้ แต่เตรียมไว้สำหรับชำระหนี้โรงกลั่นน้ำมันหรือเจ้าหนี้รายอื่นๆ เพื่อนำมาหมุนเวียนก่อนจนกว่าเงินกู้จะเข้ามาในกองทุนฯ เพื่อรองรับในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบอาจสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงาน ยังเริ่มเจรจากับกรมสรรพสามิตเพื่อเตรียมพร้อมแนวทางปรับลดภาษีน้ำมันลงบางส่วน จากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ 5 บาทต่อลิตร โดยหากราคาน้ำมันโลกยังปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลแพงเกิน 30 บาทต่อลิตร อาจต้องใช้เริ่มพิจารณาการลดภาษีน้ำมันลงบางส่วน ทั้งนี้ต้องรอให้ระดับปลัดและรัฐมนตรีของทั้งสองกระทรวงหารือกันอีกครั้ง