บางจากฯ คาด EBITDA ปีนี้โตเท่าตัว ขณะที่ยอดขายพ.ย.65 สูงสุดเป็นปะวัติการณ์

ผู้ชมทั้งหมด 667 

บางจากฯ คาด EBITDA ปีนี้โตเท่าตัวจากปีก่อน ชี้ผลประกอบการไตรมาส 4 ดีรับไฮซีซั่น ขณะที่ยอดขายน้ำมันผ่านปั๊มพ.ย.65 ทำสถิติสูงสุด ลุยลงทุน 4.6 หมื่นล้านปีหน้า

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าบริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยในงาน Oppday Q3/2022 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) BCP โดยระบุว่า แนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในปี 2566 ยังมีทิศทางที่ดี ตามความต้องการใช้น้ำมันที่เติบโต โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพง ส่งผลให้กำลังการผลิตดีเซลตึงตัว และโรงกลั่นฯเกือบทั่วโลกกลั่นน้ำมันในระดับเกิน 100% ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลอยู่ระดับต่ำ ฉะนั้นโรงกลั่นฯที่สามารถกลั่นน้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน(Jet) ในสัดส่วนที่สูง ในปีหน้าก็จะยังมีทิศทางธุรกิจที่ดีต่อไป

ส่วนทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4 ปีนี้ จะดีกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของทุกปี ทั้งกำลังการผลิต ความต้องการใช้น้ำมันที่ขยายตัวตามสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการ(ปั๊ม)บางจากฯ ในเดือนพ.ย.นี้ คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ค่าการกลั่น ยังทรงตัวจากไตรมาส 3 แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอีกครั้ง โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ราคาปิดอยู่ที่ประมาณ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฉะนั้นหากปิดไตรมาส 4 ที่ราคาประมาณนี้ ก็อาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเล็กน้อย

“บางจากฯ มั่นใจว่า ผลประกอบการปีนี้ จะเติบโตสูงกว่าปี 64  โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปี64 อยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนของปีนี้ EBITDA อยู่ที่ 40,000 ฉะนั้นเป็นไปได้ที่ EBITDA ทั้งปีนี้จะโตกว่าปีก่อนเท่าตัว แต่ก็ต้องดูทิศทางปลายอีกครั้ง”

สำหรับหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่า EBITDA จะยังเติบโตเพิ่มขึ้น หรือใกล้เคียงกับปีนี้ ซึ่งจะมาจากการเติบโตในการขยายธุรกิจของ BCPG และ OKEA ที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นราว 40% ที่จะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้า รวมถึงราคาขายก๊าซฯ ของ OKEA ก็ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจของ BBGI คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และน่าจะฟื้นตัวได้ปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 บริษัทเตรียมงบลงทุนอยู่ที่ 46,000 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการขยายธุรกิจไฟฟ้าของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับธุรกิจโรงกลั่นฯ 6,000 ล้านบาท ,ธุรกิจธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติของ OKEA ประมาณ 5,000 ล้านบาท ,ธุรกิจของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ประมาณ 1,600 ล้านบาท ,การตลาด 2,000 ล้านบาท และธุรกิจใหม่อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

ส่วนงบลงทุนในช่วง 8 ปีข้างหน้า(ปี 2566-2573) ไว้ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท เพื่อใช้สำหรับจากการขยาย 5 ธุรกิจหลัก โดยตั้งเป้า EBITDA เติบโตขึ้นไปแตะ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 จากการขยายการลงทุนธุรกิจ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ปัจจุบันกลั่นที่ระดับ 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งต่อยอดการเติบโตจากศักยภาพใหม่ๆ

นอกจากนี้ ในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ บริษัทตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วน EBITDA กว่า 7,000 ล้านบาทภายในปี  2573 จากธุรกิจที่กำลังพัฒนา อาทิ Winnonie ผู้นำแพลตฟอร์มให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าพร้อมเครือข่ายสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และธุรกิจ New S-Curve ใหม่ๆ เป็นต้น