ผู้ชมทั้งหมด 903
การขับเคลื่อนพลังงานของโลกวินาทีนี้ ใครไม่รู้จัก “Net Zero” หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ต้องบอกว่า “เชย” เพราะ Net Zero กลายเป็นเป้าหมายระดับชาติ หรือ เมกะเทรนด์ของโลกไปแล้ว โดยที่ผ่านมาจะเห็นประเทศมหาอำนาจต่างออกมาประกาศเป้าหมายลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ “Carbon Neutrality” เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ยุโรป และญี่ปุ่น ที่จะดำเนินการภายในปี ค.ศ.2050 และจีน จะดำเนินการภายในปี 2560 ขณะที่รัฐบาลไทย ก็ประกาศเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2065 – 2070 หรือปี พ.ศ. 2608-2613 เพื่อร่วมมือกันลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เมื่อ “Net Zero” และ “Carbon Neutrality” กลายเป็น “เมกะเทรนด์ของโลก” บริษัทพลังงานยักษ์ระดับประเทศของไทย คือ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT จึงเร่งยกระดับการพัฒนาธุรกิจตามกรอบวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต” ที่มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานอนาคต และการเติบโตในธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน เพื่อสร้างสรรค์พลังงานที่มุ่งเน้นพลังงานสะอาด และการสร้างธุรกิจใหม่ที่สร้างคุณค่าและสนับสนุนการขับเคลื่อน ให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/860965-1024x748.jpg)
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ระบุว่า กลุ่ม ปตท.ตั้งเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลดลง 15% ภายใน 10 ปี หรือปี 2563 – 2573 โดยได้จัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ กลุ่ม ปตท. (PTT Group Net Zero Task Force หรือ G-NET) เพื่อวางเป้าหมายบรรลุ Net Zero ของ ปตท. และร่วมขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ภายใต้เป้าหมายดังกล่าว ปตท.จะมุ่งเน้นขับเคลื่อนการทำงาน 3 ด้านหลัก (3P’s Decarbonization Pathways) ได้แก่
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/Screenshot-2022-05-06-131817.png)
- Pursuit of Lower Emission หรือ การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุด เชื่อมโยง กับเป้าหมาย Clean growth โดยโครงการที่สำคัญในการบริหารจัดการ ได้แก่ การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์ การใช้พลังงานหมุนเวียนและ พลังงานไฮโดรเจน การดำเนินโครงการประหยัดและอนุรักษ์พลังงาน และการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยคาร์บอนเครดิต
- Portfolio Transformation สร้างการเติบโตจากธุรกิจพลังงาน แห่งอนาคต (Future Energy and Beyond) โดยตั้งเป้าใน 10 ปีข้างหน้า ให้มีสัดส่วนการลงทุน 30% และในปี 2573 จะต้องพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนด้วยกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนที่ 12 GW พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ รวมไปถึงการปรับลดการลงทุนในธุรกิจถ่านหิน
- Partnership with Nature การเพิ่มปริมาณการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีทางธรรมชาติ ผ่านการปลูกและ ดูแลรักษาป่าไม้และพื้นที่สีเขียว โดยกำหนดเป้าหมายการปลูกป่าบก และป่าชายเลนเพิ่มอีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 พร้อมวางแผนในการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
ดังนี้ แผนลงทุน 5 ปีของ ปตท.ตามวิสัยทัศน์ใหม่ ในส่วนของ “Future Energy” ที่จะมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า นับว่ามีความสำคัญอย่างมากที่จะผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย “Net Zero”
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/860966-1024x540.jpg)
ปตท. ประเมินว่า ธุรกิจน้ำมันและก๊าซเป็นธุรกิจหลักที่มีแนวโน้มที่จะถูกทดแทนด้วยธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทอื่น โดยจากข้อมูล Global oil demand forecast จาก BP ได้คาดการว่า จุดอุปสงค์น้ำมันสูงสุด (Peak Oil) จะมีแนวโน้มขยับเข้ามาเกิดเร็วขึ้น จากเดิมที่คาดการไว้ในปี พ.ศ. 2578 เป็นเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2568 และหลังจากนั้นความต้องการใช้น้ำมันจะปรับตัวลดลงแรงขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย จากความกดดันของ นโยบายทางด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก หรือ Net Zero Emission Policy ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานฟอสซิลโดยเฉพาะน้ำมันมาเป็นพลังงานไฟฟ้าจากแหล่ง พลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีการคาดว่าแนวโน้มความต้องกำรไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายใน 30 ปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านนี้โลกจะมีความต้องการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่มีต้นทุนต่ำ และปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/ปตท.กราฟฟิก.png)
ทั้งนี้ ในภาพนโยบายของประเทศไทย ยังได้มีการกาหนดแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าที่ ปลดปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle : ZEV) ของประเทศตามนโยบาย 30/30 ที่จะมีแผน กำลังการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ZEV อย่ำงน้อย 30% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในปีพ.ศ. 2573 เพิ่มเติมด้วย ซึ่งคิดเป็นการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์นั่งและรถกระบะทั้งสิ้น 725,000 คัน ประเภท รถจักรยานยนต์จะมีการผลิตทั้งสิ้น 675,000 คัน และประเภทรถบัส/รถบรรทุกจะมีการผลิตทั้งสิ้น 34,000 คัน ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวจะเป็นตัวเร่ง สำคัญที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศลดลงอย่างมากในภาคการคมนาคมขนส่ง ถึงแม้ว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนจะเข้ามำทดแทนการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จะทำให้ความต้องการเชื้อเพลิงจากฟอสซิลชะลอตัวลง ซึ่งถือเป็นความท้าทายสำคัญต่อบริษัทน้ำมันอย่า ปตท.
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/download.png)
ขณะเดียวกัน ภายใต้ความท้าทายดังกล่าวทำให้ ปตท. เล็งเห็นโอกาสที่จะขยายการลงทุนไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน โดยได้มีการลงทุนและปรับตัวเพื่อรองรับกับประเด็นท้าทายเหล่านี้ เช่น การวางแผนการขยายธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Value Chain
โดยมีธุรกิจที่เป็น 1 st priorities 7 ด้าน ดังนี้
1. การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ (Battery Cell Manufacturing)
2. รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (E-bike)
3. รถยนต์ไฟฟ้า (E-car)
4. รถโดยสารไฟฟ้า (E-bus)
5. บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swap)
6. เครือข่ายบริการประจุไฟฟ้ำ (Charging Network)
7. แพลตฟอร์มบริการเช่ายืมรถยนต์ (Car sharing, Ride sharing, Financing, Insurance)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/Arun-Plus_2-1024x683.jpg)
ปัจจุบัน ปตท.ได้ดำเนินธุรกิจ EV Value Chain ในเชิงพาณิชย์ ได้แก่ จัดตั้ง บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) เดินหน้าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (EV Value Chain) โดยร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ตั้ง บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (HORIZON PLUS) บริษัทร่วมทุนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดและสร้างฐานการผลิต EV ในไทย
“ปตท.คาดว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ภายใต้ความร่วมมือกับฟ็อกซ์คอนน์ จะสามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย(FID) เพื่อเดินหน้าก่อสร้างโรงงานพัฒนาแพลตฟอร์มผลิตรถEV ได้ และเริ่มการผลิตในปีไตรมาส1ปี67 กำลังผลิตเฟสแรก 50,000 คัน และผลิตเฟส 2 อีก 150,000 คันต่อปีในปี73 ส่วนลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาร่วมกันซึ่งมีอยู่หลายรายที่สนใจ” อรรถพล กล่าว
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/Swap-_-Go-1024x748.jpg)
อีกทั้ง อรุณ พลัส ยังได้จำหน่ายและติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion) และ เตรียมขยายสถานีบริการอัดประจุบนทำเลศักยภาพอีกกว่า 1,000 เครื่อง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ภายในปี 2565 รองรับการเติบโตของตลาด EV ในประเทศ ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีบริการติดตั้ง PTT EV Charger ในที่พักอาศัย
พร้อมจัดตั้ง “สวอพ แอนด์ โก” (Swap & Go) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม โครงสร้างพื้นฐาน และเครือข่าย Battery Swapping หรือการสลับแบตเตอรี่แก่ผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้งาน โดยนำร่องในกลุ่มธุรกิจบริการรับ-ส่งอาหารหรือสิ่งของ (Delivery Service) เป็นต้นแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ล่าสุดเปิดให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่แล้ว 22 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/G-Box_2-1024x683.jpg)
รวมถึง ปตท. ได้จัดตั้งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด (NUOVO PLUS) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ARUN PLUS และ GPSC ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ G-Box for Residential ระบบกักเก็บพลังงานสำหรับที่พักอาศัย ภายใต้แบรนด์ G-Cell โดยสามารถนำมาใช้ร่วมกับระบบ Solar Cell เป็นการกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันไว้ในแบตเตอรี่และนำมาชาร์จรถไฟฟ้าในตอนกลางคืน โดยผู้ใช้งานสามารถควบคุม สั่งการการทำงานต่าง ๆ ผ่านระบบสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าในที่พักอาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ ขระเดียวกัน GPSC ยังมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบ 30 MWh มาพัฒนาและทดลองใช้ภายในกลุ่ม PTT นอกจากนี้ GPSC ยังได้เข้าถือหุ้น 11.1% ในบริษัท AXXIVA ประเทศจีน ซึ่งกำลังก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ 1.0 พัน MWh เพื่อนำมาใช้สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน คาด COD ได้ภายในปี 2566
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/on-ion_2-1024x683.jpg)
นอกจากนี้ ได้จัดตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVME PLUS) แพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์การเป็นเจ้าของ EV แบบครบวงจร ให้บริการในรูปแบบ Subscription รายแรก และรายเดียวในประเทศไทยผ่านแอปพลิเคชัน ที่จะทำให้การใช้งาน EV เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้บริการรถ EV จากแบรนด์ชั้นนำที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่น เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เลือกรุ่นรถ และกดจอง เพียงเท่านี้ก็สามารถรอรับรถได้ที่หน้าบ้าน พร้อมรับสิทธิพิเศษภายในงาน สำหรับผู้ซื้อ E-voucher ผ่านแอปพลิเคชัน EVme รับคูปองส่วนลดเพิ่มเติม และ NFT exclusive เฉพาะลูกค้า EVme เท่านั้น
ตลอดจนจัดตั้ง บริษัท รีแอค จำกัด (ReAcc) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรองรับการซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน ช่วยสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการใช้งานพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นในประเทศ
อนาคตอันใกล้นี้ ภาพธุรกิจของ ปตท.จะเปลี่ยนไป จากเดิมที่มีบทบาทหลักในการจัดหาและจำหน่ายเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงของประเทศทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่จะหันตัวเข้าสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานสะอาด อย่างผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เป็นต้น