ผู้ชมทั้งหมด 2,173
ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรคนใหม่ “สิทธิชัย แดงประเสริฐ” ชูวิสัยทัศน์ เร่งเครื่องตั้งมาตรฐานใหม่ สมุนไพรไทยสู่มาตรฐานการผลิตระดับสากล ผ่านกลยุทธ์ “Economy Sharing” ผนึกความร่วมมือ รัฐ-เอกชน ใช้ทรัพยากรร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ลุยขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน ประเทศไทย มีการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพร ติดอันดับ 7 ของของโลก ส่วนภูมิภาคเอเชียประเทศไทยมีขนาดตลาดสมุนไพรเป็นอันดับ 4 รองจากประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ขณะที่ ไทยเป็นผู้นำการส่งออกสมุนไพรอันดับ 1 ของอาเซียน แต่ในตลาดโลกยังไม่ติด 1 ใน 10 เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านมาตรฐานการผลิต อย่างไรก็ดียังพบมูลค่าการส่งออกสมุนไพรยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าสมุนไพร มีแนวโน้มลดลง ประเภทของสมุนไพรที่มีมูลค่าการส่งออกสูงที่สุด ได้แก่ พรรณไม้และส่วนของพรรณไม้ ประเภทของสมุนไพรที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงที่สุด ได้แก่ สารสกัด
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/AdobeStock_451613078-1024x683.jpg)
จากคาดการณ์ตลาดสมุนไพรในประเทศ ในปี 2570 มีมูลค่า 100,000 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ ยาอาหารเสริมสุขภาพ เครื่องสำอางเครื่องดื่มสมุนไพรที่ได้รับความนิยม ขมิ้นชัน กระชายขาว ตะไคร้หอม บัวบก ในขณะที่ตลาดสมุนไพรโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ปี 2573 ทะลุ 2.7 ล้านล้านบาท เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สุขภาพยา เครื่องสำอาง สมุนไพรที่ได้รับความนิยม ขิง กระเทียม โสม และคาโมมายล์
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/PUN_0231-1024x683.jpg)
นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร ในสภาอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังรับตำแหน่งว่า ภารกิจสำคัญคือ การเดินหน้าผลักดันสมุนไพรไทยเป็นซอฟต์เพาเวอร์ และสร้างโอกาสให้กับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมสมุนไพร เช่น เกษตรกรผู้ปลูกที่จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น และยั่งยืนขึ้น สร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งต่อเศรษฐกิจฐานราก และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้อย่างยั่งยืน โดยสมุนไพรไทยมีศักยภาพสูงในตลาดโลก เพราะมีความหลากหลายของสายพันธุ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เข้มแข็ง จากข้อมูลตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั่วโลก มีมูลค่า 60,165.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในภูมิภาคเอเชียถึง 57.6 % อเมริกา 22.1 % ยุโรป 22.1 % ยุโรป 18 % ตะวันออกกลาง 1.5% ออสเตรเลีย 0.9%
ทั้งนี้ กลยุทธ์สำคัญวางไว้คือการเพิ่มการบริโภคสมุนไพรภายในประเทศ และการส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง อาทิ สารสกัด สมุนไพรแปรรูป ยาและอาหารเสริม ส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะภูมิภาคที่มีความต้องการสูงในการบริโภคสมุนไพร อย่าง ตลาดอาเซียน และ CLMV ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการเร่งเดินหน้าสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ เข้าถึงการวิจัยและพัฒนาในห้องแล็บที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อสร้างมาตรฐานรองรับสินค้า การสร้างแบรนด์ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดทั่วโลก ไปพร้อมกับการสื่อสารเรื่องราวและคุณค่า เพื่อดึงดูดและเข้าผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในการโปรโมทเข้าถึงผู้บริโภคและการเก็บฐานข้อมูลไว้ต่อยอดในการวางกลยุทธ์ผลักดันสมุนไพรไทยได้แม่นยำมากขึ้น โดยเชื่อมโยงความร่วมมือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมสมุนไพร
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/PUN_0345_0-1024x683.jpg)
สำหรับกลยุทธ์ในการยกระดับสมุนไพรไทยที่จะนำมาขับเคลื่อนคือ “Economy Sharing” ผนึกความร่วมมือ รัฐ-เอกชน มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น การสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงการวิจัยร่วมกับสถาบันการศึกษา และสร้างพันธมิตรเพื่อรวมกลุ่มเข้าถึงโรงงานการผลิตขนาดใหญ่ได้มาตรฐานสากล เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกสมุนไพรไทยยังมีข้อจำกัดจากบางประเทศที่ไม่สามารถส่งออกไปได้
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/1689741470126.jpg)
ซึ่งปัจจุบัน ภาครัฐและเอกชนไทยได้เกิดความร่วมมือภาครัฐและเอกชน เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเซลส์ (TCELS) ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ และเครือข่าย TOPT เพื่อพัฒนายาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้จะส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงการผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐานด้วยการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/PUN_0361_0-1024x683.jpg)
ด้าน นายเมธา สิมะวรา อดีตประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ประธานกลุ่มสมุนไพรคนใหม่สานต่อภารกิจและต่อยอดแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2567 ที่วางเป้าประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ที่ได้มาตรฐาน และมีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ต่อยอดด้วยนวัตกรรมให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล 6 ด้านได้แก่
1.การส่งเสริมสมุนไพรผ่านอาหารไทย จากครัวไทยสู่ครัวโลก
2.การพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของ SMEs ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม
3. เน้นตลาดในประเทศ และ CLMV
4. ยกระดับการผลิตด้วยเทคโนโลยี (SMART)
5.ส่งเสริมให้ส่วนภูมิภาคใช้สมุนไพรเป็นกลไกการพัฒนา และ
6. ส่งเสริมอุตสาหกรรมสารสกัด เพิ่มมูลค่าและความสามารถในการแข่งขัน
โดยจะเน้นผลักดันให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวเฉลี่ย (CAGR) ของประเทศไทยในช่วงที่มีการประกาศใช้แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 (ช่วงปี 2560-2566) สูงกว่าอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2024/02/1-1024x732.jpg)