ผู้ชมทั้งหมด 993
ก.ทรวงพลังงานเผยสรุปผลประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน หรือ AMEM เห็นชอบความร่วมมือ 9 ด้านพลังงาน เชื่อมโครงข่ายไฟฟ้า 4 ประเทศสปป ลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ 100 เมกะวัตต์ เชื่อมโยงด้านก๊าซ เพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนสัดส่วน 35% ภายในปี 68
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการแถลงข่าวผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 38 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 38th ASEAN Ministers on Energy Meeting and Associated Meetings: The 38th AMEM) ซึ่งประเทศเวียดนาม เป็นเจ้าภาพจัดประชุมรูปแบบออนไลน์
โดยที่ประชุมอาเซียนยังคงมุ่งเน้นการกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านเพื่อความยั่งยืนทางพลังงานในอนาคต พร้อมไปกับการตระหนักถึงผลกระทบจาก COVID-19 และความท้าทายในการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นในยุคหลังสถานการณ์ COVID-19 และการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมทางพลังงาน ที่ตอบสนองต่อระบบพลังงานรูปแบบใหม่
ทั้งนี้ ในการประชุม AMEM ครั้งที่ 38 มีผลสำเร็จสำคัญที่เกิดขึ้น 9 ด้าน ประกอบด้วย 1.เห็นชอบแผนปฏิบัติการความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงาน ระยะที่ 2 ปี 2564 – 2568 (APAEC Phase II) โดยมีแนวคิดคือ “มุ่งเน้นการกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านและเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านความยืดหยุ่นทางพลังงาน เพื่อไปสู่นวัตกรรมที่ดีกว่า
2.ด้านการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (APG) มีการขยายการซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีภายในภูมิภาคจาก 3 ประเทศเป็น 4 ประเทศ และมีการให้คำมั่นจะลงนามในบันทึกความเข้าใจการซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง 4 ประเทศคือ สปป ลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ (LTMS-PIP) ในปริมาณ 100 เมกะวัตต์ และจะเริ่มทำการซื้อขายภายในปี 2565-2566
3.ด้านการเชื่อมโยงด้านก๊าซ (TAGP) ได้มีการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติ (สถานีกักเก็บ LNG) ปัจจุบันอาเซียนมีความสามารถในการรองรับได้ทั้งสิ้น 38.75 ล้านตัน/ปี ใน 9 สถานี และส่งเสริมการค้า small scale LNG และการสร้างเสถียรภาพของตลาด LNG ในภูมิภาค
4.ด้านถ่านหินและเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ความก้าวหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์พลังงานอาเซียน หรือ ASEAN Centre of Excellence for Clean Coal and Technology เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ถ่านหินของภูมิภาค
5.ด้านประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน (EE&C) ในปี 2561 อาเซียนสามารถลดความเข้มการใช้พลังงาน ได้ร้อยละ 21 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นในปี 2563 จึงเพิ่มเป้าหมายลดความเข้มการใช้พลังงานจากเดิม ร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 32 ภายในปี 2568
6.ด้านพลังงานหมุนเวียน (RE) อาเซียนเพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของโรงไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2568 จากเดิมที่ร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 35 และเร่งสนับสนุนกิจกรรมด้านพลังงานทดแทนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ที่ร้อยละ 23 ภายในปี 2568
7.ด้านนโยบายและแผนพลังงานของภูมิภาคอาเซียน (REPP) ได้จัดทำการศึกษาทิศทางพลังงานของภูมิภาค อาเซียน ฉบับที่ 6 (AEO6) และเพิ่มแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกระทบต่อภาคพลังงาน
8.ด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อประชาชน (CNE) อาเซียนจะเดินหน้าส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ และเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่บุคลากรทางด้านพลังงานนิวเคลียร์ในภูมิภาค
9.ความร่วมมือเครือข่ายการกำกับกิจการพลังงานอาเซียน (AERN) มุ่งเน้นการร่วมมือกันในการศึกษาการเพิ่มบทบาทขององค์กรกำกับกิจการพลังงานและการศึกษาแนวทางการซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีในภูมิภาคอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานร่วมกัน
นอกจากนี้ ยังมีกรอบความร่วมมืออาเซียน +3 จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และกรอบความร่วมมือเอเชียตะวันออก โดยได้เน้นย้ำความร่วมมือด้านความมั่นคงทางพลังงาน การส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและการจัดหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ และการเป็น Low Carbon Society