รฟท. เล็งเวนคืนที่ดิน 1,345 ไร่ เตรียมประมูลไฮสปีดไทย-จีน เฟส2 มิ.ย. 68  

ผู้ชมทั้งหมด 425 

บอร์ด รฟท. ขยายเวลาก่อสร้างไฮสปีดไทย-จีน สัญญาที่ 3-2 ช่วงอุโมงค์ มวกเหล็กและลำตะคอง อีก 181 วัน ขณะโครงการระยะที่ 2 โคราช-หนองคาย มูลค่า 3.41 แสนล้าน คาดเปิดประมูลงานก่อสร้าง มิ.ย. 68 พร้อมเห็นชอบพ.ร.ฏ.เวนคืนที่ดิน 1,345 ไร่ วงเงิน 1.24 หมื่นล้าน   

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) รถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.) ที่มีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินงานตามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพ – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ – นครราชสีมา) สัญญาที่ 3-2 : งานโยธา งานอุโมงค์ (มวกเหล็กและลำตะคอง) ออกไปอีก 181 วัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 7 มิถุนายน 2568 โดยกำหนดวันสิ้นสุดสัญญาใหม่เป็นวันที่ 5 ธันวาคม 2568 พร้อมกับให้ปรับแผนการเชื่อมประสานงานก่อสร้างให้สอดคล้องกับการขยายสัญญา โดยผู้รับจ้างฯ ไม่สามารถเรียกร้องค่าใช้จ่าย หรือค่าทดแทนใด ๆ รวมถึงไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่ปรึกษาฯ รวมทั้งการรถไฟฯ ไม่เสียประโยชน์ และไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการอื่นๆ แต่อย่างใด

สำหรับสาเหตุที่ต้องขยายเวลาออกไป เนื่องจากกการรถไฟฯ ส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างก่อสร้างล่าช้าจากการเวนคืนพื้นที่ ซึ่งกระทบงานก่อสร้าง 2 รายการ คือ งานก่อสร้างคันทางรถไฟระดับดิน ช่วง DK.134+765 –DK.135+385 และงานก่อสร้างสะพานผาเสด็จ 3 ทั้งนี้ปัจจุบัน รฟท.ได้ส่งมอบพื้นที่เวนคืนทั้งหมดให้กับผู้รับจ้าง 100% แล้ว พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ปรับใหม่ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องและแล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

ส่วนสัญญาที่ 3-2 งานโยธาสำหรับอุโมงค์ ช่วงมวกเหล็กและลำตะคอง มูลค่า 4,279,309,390 ล้านบาท ระยะทาง 12.23 กิโลเมตร ครอบคลุมงานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟ ระยะทาง 8 กิโลเมตร คันทางรถไฟระดับดิน ระยะทาง 3.27 กิโลเมตร โครงสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทาง 0.96 กิโลเมตร รวมถึงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง รองรับงานระบบรถไฟฟ้า 4 แห่ง พร้อมถนนเชื่อมต่อ ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2564 ปัจจุบันมีความคืบหน้า 90.94%

นอกจากนี้ บอร์ด รฟท. ยังให้ความเห็นชอบให้นำเรื่องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่โครงการฯ เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย ประกอบด้วย พื้นที่บางส่วนของจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และจังหวัดหนองคาย ที่ดิน จำนวน 1,991 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,345 ไร่ และสิ่งปลูกสร้าง 1,428 รายการ ด้วยวงเงิน 12,418.61 ล้านบาท

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย ล่าสุดได้รับมติเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 และครม. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะเริ่มขบวนการประกวดราคาได้ในเดือนมิถุนายน 2568

ทั้งนี้โครงการดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นหลังสถานีนครราชสีมา และสิ้นสุดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง (ฝั่งไทย) รวมทั้งหมด 5 สถานี ประกอบด้วย สถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสถานีหนองคาย มีศูนย์ซ่อมบำรุง (Deport) 2 แห่ง ที่นาทา และเชียงรากน้อย ศูนย์ซ่อมบำรุงทาง (Maintenance Base) 4 แห่ง ที่บ้านมะค่า หนองเม็ก โนนสะอาด และนาทา รวมถึงย่านเก็บตู้สินค้าและเปลี่ยนถ่ายสินค้า 1 แห่ง ที่นาทา รวมระยะทางประมาณ 357.22  กิโลเมตร ถือเป็นโครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางสายใหม่ One Belt One Road (OBOR) โดยจะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและขนส่งระหว่าง 3 ประเทศ ไทย–ลาว–จีน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน พร้อมทั้งกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ด้วยการเชื่อมโยงเมืองหลัก เมืองรอง และพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ให้เข้าถึงกันอย่างไร้รอยต่อ

อนึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา–หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 341,351.42 ล้านบาท นั้นครม.ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบฯ 68-75) โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ตามความเหมาะสม