ผู้ชมทั้งหมด 660
“ศักดิ์สยาม”คุมเข้มขนส่งวัตถุอันตราย ประเดิมซ้อมแผนฉุกเฉินพื้นที่ “ชลบุรี” ครั้งแรกในไทย ก่อนขยายผลไปยังทุกภูมิภาค สั่งขบ.จัดทำคู่มือ e-Book มาตรฐานของ UN เผยแพร่ให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนนำไปฝึกซ้อมกับผู้ขับขี่ได้
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/09/D9947A72-4757-4125-A67D-B52CC9393966-1024x681.jpeg)
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดการซ้อมแผนฉุกเฉินอุบัติเหตุรถขนส่งวัตถุอันตรายตามข้อกำหนดความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศทางถนนของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งยุโรปภายใต้สหประชาชาติ หรือข้อกำหนด ADR มุ่งสู่มาตรฐานสากล ควบคุมด้วยเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการจากกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ลานหน้าอาคารศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะความตกลงในภูมิภาคและได้ลงสัตยาบันในพิธีสารฉบับที่ 9 สินค้าอันตรายภายใต้กรอบความตกลงการขนส่งสินค้าผ่านแดนของอาเซียนในปี 2559 และได้มีการพัฒนา การควบคุม กำกับดูแล การขนส่งวัตถุอันตรายทางถนนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงแนวทางและข้อกำหนด ADR และมาตรฐานของสหประชาชาติ (UN) มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อลดความสูญเสียจากการเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมขนส่ง
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/09/32A4A059-84CE-487E-B4DA-1255EFF808C3-1024x498.jpeg)
โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้นำมาตรฐานของ UN มาประกอบการจัดทำใบอนุญาตขับขี่ และกำกับ ดูแลการขนส่งวัตถุอันตราย และขอความร่วมมือภาคเอกชน นำขั้นตอนการเผชิญเหตุที่กำหนด ไปประเมินสถานการณ์ เพื่อผู้ทดสอบผู้ขับขี่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยี GPS, การนำเทคโนโลยีการระบุตัวตนด้วยคลื่นความถี่(RFID) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) มาประยุกต์ใช้ด้วย
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ ขบ. ไปพิจารณาติดสัญญาณไฟบนรถขนส่งวัตถุอันตราย เพื่อให้เห็นในช่วงเวลากลางคืนอย่างชัดเจน พร้อมทั้งให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อใช้ความระมัดระวังในการขับรถ และมีความปลอดภัย รวมทั้งให้ไปจัดทำคู่มือในรูปแบบ e-Book ซึ่งมีรายละเอียดจากมาตรฐานของ UN เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนสามารถนำไปฝึกซ้อมกับผู้ขับขี่ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะมีการฝึกซ้อมกับรถประเภทอื่นๆ และไปฝึกซ้อมในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมโลจิสติกส์ที่เพิ่มมูลค่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และเป็นสินค้าที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการบริหารการขนส่ง การบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินที่ดี แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่ดีของภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และการเป็นประเทศชั้นนำด้านการบริหารจัดการขนส่งสินค้าอันตรายของอาเซียน
ดังนั้นโครงการนี้ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพนักงานขับรถ ผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตรายทางถนน เพื่อให้ทราบถึงขั้นตอนปฏิบัติที่ถูกต้อง เป็นไปตามมาตรฐานสากล อันจะช่วยลดความสูญเสียและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างองค์ความรู้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/09/7E11086E-CC4C-4919-A62B-616F013B45BA-1024x682.jpeg)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/09/19EAB5DB-82FF-42C5-AF64-7CC3C27CFCE2-1024x768.jpeg)
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า ประเทศไทยได้พัฒนาเป็นประเทศผู้นำในประเทศสมาชิกอาเซียนในการนำเอาข้อกำหนด ADR มาปฏิบัติในประเทศ และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 ได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้ขับรถขนส่งวัตถุอันตรายต้องผ่านการอบรมและทดสอบตามหลักสูตรที่ ADR กำหนด เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ขับรถและผู้เกี่ยวข้องมีความรู้ครอบคลุมกระบวนการของการขนส่งวัตถุอันตราย ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
ทั้งนี้ ได้นำร่องกับรถและวัตถุอันตรายชนิดที่มีการขนส่งมากที่สุดก่อน ได้แก่ รถแท็งก์บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงและรถแท็งก์บรรทุกก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยได้เลือกพื้นที่ จ.ชลบุรี ซึ่งมีปริมาณและความถี่ในการขนส่งวัตถุอันตรายสูงสุดจังหวัดหนึ่งของประเทศ โดยกิจกรรมในครั้งนี้พิจารณาว่า เป็นโครงการในระยะแรก เน้นให้ความสำคัญในส่วนของการซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติของพนักงานขับรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ได้จำลองสถานการณ์ให้ความรุนแรงของสถานการณ์อยู่ทั้งในระดับที่ 1 ซึ่งพนักงานขับรถสามารถดำเนินการบางอย่าง เพื่อลดผลกระทบได้เอง และขยับขึ้นเป็นระดับที่ 2 ซึ่งพนักงานขับรถต้องสื่อสารให้ข้อมูลกับหน่วยงานสนับสนุนจากภายนอกเข้ามาช่วยเหลือ นอกจากนี้ ขบ. มีแผนจะเป็นหน่วยงานหลักในการให้องค์ความรู้แก่ทั้งพนักงานขับรถ ผู้ประกอบการขนส่ง และหน่วยงานฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างต่อเนื่อง
รายงานข่าวจาก ขบ. แจ้งว่า ปัจจุบันมีจำนวนพนักงานขับรถขนส่งสินค้าวัตถุอันตรายประมาณ 30,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับใบรับรองรถขนส่งสินค้าวัตถุอันตรายทั้งหมดแล้ว
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/09/015EDF8D-416B-458D-8AD4-CD11BBB86F82-1024x682.jpeg)