ผู้ชมทั้งหมด 320
“สุรพงษ์” เปิดงาน The Roads and Traffic Expo Thailand 2023 ชูยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพระบบคมนาคมขนส่ง โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ประชาชนสามารถเข้าถึงอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2023/11/360661-1024x681.jpg)
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน “The Roads and Traffic Expo Thailand 2023” พร้อมด้วย นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกรระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมี Mr. Paul Clark กรรมการผู้จัดการประจำภาคพื้นเอเชีย บริษัท เทอราพิน พีทีอี จำกัด ให้การต้อนรับ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศไทยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยมุ่งพัฒนาระบบคมนาคมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพ เป็นระบบการขนส่งที่เข้าถึงได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
รวมทั้งผสานการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีและให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมการคมนาคมในทุกมิติ ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ สำหรับการขนส่งทางถนน เป็นรูปแบบการขนส่งที่รองรับการขนส่งสินค้าจากผู้ส่งที่จุดต้นทางไปยังผู้รับที่จุดปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ ในลักษณะ Door-to-Door ทำให้การขนส่งทางถนนในประเทศไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชาชนและระบบห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองใหญ่ประสบปัญหาความต้องการการเดินทางที่สูงขึ้น การจราจรเริ่มติดขัด กระทรวงฯ จึงได้ดำเนินการพัฒนาทางพิเศษและมอเตอร์เวย์ เพื่อลดปัญหาจราจรและรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2023/11/360666-1024x683.jpg)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2023/11/360665-1024x683.jpg)
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2023/11/360664-1024x683.jpg)
พร้อมทั้งพัฒนาระบบการจัดการจราจรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้ระบบ M-Flow ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณด่านเก็บเงิน รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI ซึ่งใช้ข้อมูลจาก CCTV และ GPS มาประมวลผล เพื่อประเมินสภาพการจราจรแบบนาทีต่อนาที ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระบุวิธีการบริหารจัดการด้านจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ กระทรวงฯ ได้ศึกษาโครงการ MR-MAP ซึ่งบูรณาการการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และการพัฒนาระบบรางในแนวเส้นทางใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ และเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
สำหรับการจัดงานฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเดินทางทางถนนและการจราจร เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการขนส่งให้มีประสิทธิภาพปลอดภัย และยั่งยืนต่อไป