ผู้ชมทั้งหมด 327
“สุริยะ” ลุยเดินหน้านโยบายเรือธง! ดัน 9 เรื่องเข้า ครม. ชุดใหม่ เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมเร่งก่อสร้างทางด่วนบนถนนพระราม 2 ต้องเสร็จภายในปี 68 ยืนยันเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ – รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายต้องได้นั่งครบทุกสี ก.ย. 68
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคมยังคงเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้นมี 9 เรื่องที่ต้องเร่งเสนอครม.ในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งประกอบด้วย 3 เรื่องเร่งด่วน คือ 1.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต – บางปะอิน หรือ M5 ระยะทาง 22 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท 2.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ทางยกระดับสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ช่วงบางขุนเทียน – บางบัวทอง หรือ M9 ระยะทาง 38 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท 3.โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงรังสิต – ธรรมศาสตร์ ระยะทาง 8.84 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 6,473.98
ส่วนที่ต้องเสนอเป็นวาระพิเศษให้ครม.พิจารณาอนุมัติอีกอยู่ 6 เรื่อง คือ 1.ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 2.ขออนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมงานเวนคืนที่ดิน โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 3.โครงการบริหารท่าเรือ AO ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) 4.การโอนบริหารท่าอากาศยานตากของกรมท่าอากาศยานให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร 5.การเสนอเรื่องร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ….(พ.ร.บ.กรมการขนส่งทางราง) 6.การเสนอร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) ซึ่งต้องเร่งเสนอครม.โดยเร็ว
เร่งก่อสร้างทางด่วนบนถนนพระราม2 ปิดตำนาน “ถนน 7 ชั่วโคตร”
นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านการดำเนินก่อสร้างมีหลายโครงการเกิดความล่าช้า และต้องเร่งในการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งรัดการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อปิดตำนาน “ถนน 7 ชั่วโคตร” สำหรับโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 นั้นมี 3 โครงการได้มอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เร่งรัดดำเนินก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน ซึ่งประกอบด้วย 1.โครงการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 สายบางขุนเทียน – เอกชัย – บ้านแพ้ว ของ ทล.ต้องแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 เพื่อสามารถเปิดให้บริการและรองรับการจราจรได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
2.โครงการก่อสร้างทางยกระดับทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อต้องแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 และ 3.โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ภายใต้ความรับผิดชอบของ กทพ. นั้นในภาพรวมโครงการมีความก้าวหน้า 80.92% คาดว่า จะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2568
นอกจากนี้ยังต้องเร่งรัดการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน – สระบุรี – นครราชสีมา ที่มีปัญหาสะสมมาหลายรัฐบาลให้แล้วเสร็จจนสามารถกำหนดการให้บริการประชาชนเพิ่มเติมได้ โดยตลอดทั้งเส้นทางต้องเปิดให้บริการประชาชนให้ได้ภายในปี 2569 จากปัจจุบันเปิดให้บริการในบ้างช่วง อีกทั้งเร่งรัดโครงการมอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ต้องเปิดให้บริการให้ได้ภายในปี 2568 พร้อมกันนี้ยังได้มอบกรมทางหลวงเร่งรัดการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) เพื่อให้สามารถเปิดบริการได้ทันภายในปี 2568
เร่งก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ส่วนโครงการระบบรางได้เร่งรัดการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้ขยายสัญญาก่อสร้างออกไปอีก เพื่อไม่ให้โครงการเกิดความล่าช้า และเร่งรัดแก้ไขปัญหาทุกสัญญา ให้มีการลงนามและเริ่มงานก่อสร้างทั้งหมดภายในปี 2567
พร้อมต้องเร่งรัดการโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งเจรจาแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ. หรือ EEC) โดยเร็ว คาดว่า EEC จะเสนอ ครม. ได้โดยเร็ว
นอกจากนี้ยังได้เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง โดยช่วงขอนแก่น – หนองคาย ครม.ได้ให้ความเห็นชอบโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกวดราคาคาดว่า จะสามารถลงนามสัญญาก่อสร้างได้ภายในปี 2567 ส่วนที่เหลืออีก 6 ช่วง ปัจจุบันได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) พิจารณาแล้ว เมื่อผ่านการพิจารณาของสภาพัฒน์ฯ จะได้เร่งนำเสนอ ครม.พิจารณาโดยเร็ว
โครงการด้านคมนาคมทางน้ำได้มอบให้กรมเจ้าท่า (จท.) และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บริการ Smart Pier เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อ “ล้อ – ราง – เรือ” อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ศึกษารายงาน PPP การพัฒนาท่าเรือ Cruise Terminal ฝั่งอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ให้สามารถเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาได้ภายในต้นปี 2568
ด้านคมนาคมทางอากาศ ได้ขับเคลื่อนนโครงการ Aviation Hub ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกำหนดเป้าหมายให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานอยู่ใน 20 อันดับของโลก ภายในปี 2572 พร้อมทั้งจะพัฒนาท่าอากาศยานทั่วประเทศให้มีความทันสมัย รองรับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในอนาคต
ลุยนโยบายเรือธง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โครงการแลนด์บริดจ์
นายสุริยะ กล่าวว่า ส่วนการผลักดันนโยบายรถไฟฟ้าในอัตรา 20 บาท ตลอดสายนำร่องรถไฟชานเมืองสายสีแดง และ MRT สายสีม่วง มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 และได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน โดยในช่วงที่ผ่านมานั้นปริมาณผู้โดยสารรวมทั้ง 2 สาย เพิ่มขึ้นถึง 26.39% และในระยะต่อไปมั่นใจว่าปริมาณผู้โดยสารจะใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคาดว่าจะมีรายได้เท่ากับก่อนเริ่มนโยบายภายในปี 2568 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ จากเดิมที่คาดว่าภายในระยะ 2 ปี 7 เดือนหลังจากเริ่มนโยบาย
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสีอื่นๆ จะผลักดันนโยบายรถไฟฟ้าในอัตรา 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดต้นทุนและลดระยะเวลาการเดินทาง บนอัตราค่าบริการที่มีความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นสร้างโอกาสในการเดินทางอย่างเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม รวมถึงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ได้ดำเนินการเร่งรัดติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการโดยเร็วที่สุด
ส่วนของโครงการ Landbridge ยืนยันว่าจะดำเนินโครงการต่อเนื่องเพราะมั่นใจว่าเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ต้องประเทศอย่างแน่นอน โดยล่าสุดอยู่ในช่วงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลต่าง ๆ เบื้องต้นคาด พ.ร.บ. SEC จะเริ่มประกาศใช้ในช่วงปี 2568 และจะดำเนินการก่อสร้างระยะที่ 1 ภายในปลายปี 2573 ต่อไป