ผู้ชมทั้งหมด 926
“สถานีบริการน้ำมัน” ในปัจจุบันไม่ได้แข่งขันกันที่การให้บริการน้ำมันที่มีคุณภาพดีอย่างเดียวเพื่อดึงคนเข้ามาใช้บริการ แต่การพัฒนา “ภาพลักษณ์” การเพิ่มบริการที่หลากหลายภายในสถานีบริการน้ำมัน เพิ่มความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการก็เป็นอีกแนวทางของการแข่งขันที่จะช่วยดึงคนเข้ามาใช้บริการ ขณะเดียวกันในยุคเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันก็มีการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ให้มุมมองด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันในยุคเริ่มต้นเปลี่ยนพลังงานว่า ในช่วงการเปลี่ยนผ่านพลังงานมีความเสี่ยงทั้งนั้น ความเสี่ยงที่สำคัญคือเรื่ององค์ความรู้ ต้องรู้ให้ทัน ความเสี่ยงอีกอันคือ เรื่องเวลา หากรีบลงทุนตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง เช่น ไฮโดรเจน ที่ยังมีต้นทุนที่สูงก็อาจจะมีความเสี่ยง แต่ถ้าลงทุนช้าไปก็จะทำให้ตามบริษัทอื่นไม่ทัน ฉะนั้นยุคการเปลี่ยนผ่านพลังงานก็ต้องลงทุนในเวลาที่เหมาะสม
การเปลี่ยนผ่านพลังงานจากน้ำมันเป็นไฟฟ้าเข้าที่เข้าทางหรือยัง นายอรรถพล ระบุว่า ยังไม่มีใครบอกได้เพราะตลาดยังไม่มีความไม่ชัดเจน สิ่งที่ทำได้คือต้องเกาะติดตลาดอย่างใหล้ชิด ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ปรับตัวให้ทัน อย่างไรก็ตามหากดูจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันอาจจะดูว่ามีเปอร์เซ็นการโตสูง แต่เป็นการโตจากฐานที่ต่ำ ดังนั้น จะมาบอกว่ามาแทนที่น้ำมันเลย หรือแทนที่น้ำมันเมื่อไหร่นั้นเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่ในกลุ่มปตท. ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็พร้อมลงทุนทันที ดังนั้นในปัจจุบันก็ต้องมีการลงทุนพัฒนาในเรื่องของธุรกิจ EV ไว้ด้วยเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านในอนาคต ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันก็ต้องมีการขยายการลงทุนทำให้ได้ทั้งสองขา ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานช้าเร็วขนาดไหนก็ต้องดูการตอบสนองของตลาดด้วย
ทั้งนี้ จากอดีตจนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่าธุรกิจค้าปลีกน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมากลไกลตลาดทำงานได้อย่างเต็มที่ในเรื่องของการแข่งขัน สถานีบริการน้ำมันต่างๆ ก็มีการพัฒนาภาพลักษณ์ มีการให้บริการร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ เพื่อให้เกิดความสะดวกกับผู้บริโภค โดยไม่ใช่แค่เป็นการเติมน้ำมันให้กับรถยนต์ แต่เป็นการดูแลผู้บริโภค ดูแลคนเดินทาง ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้เห็นว่ากลไกลการตลาดเสรีมันทำงานได้อย่างเต็มที่ คือ การแข่งขันทำให้ผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์
ปัจจุบันนั้น มีสถานีบริการน้ำมันหลายแบรนด์ที่ต้องออกจากตลาด ซึ่งแบรนด์ที่มีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพสูง ดูแลผู้บริโภคดีก็จะอยู่ในตลาดได้ สิ่งนี้มันเป็นคอนเซ็ปต์หลักของตลาดเสรี อย่างไรก็ตามในปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้นสามารถเลือกเติมน้ำมันตรงกับความต้องการได้เพราะตลาดเสรี เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้ นายอรรถพล ยังได้กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567 โดยประกาศกระทรวงพลังงานฉบับดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 รายงานข้อมูลรายละเอียดราคาและต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการนำเข้าและการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน พร้อมทั้งแจ้งราคาต้นทุนเฉลี่ย และหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคำนวณต้นทุนเฉลี่ยของน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกไตรมาส
โดยระบุว่า ไม่ว่ากฎหมายจะเปลี่ยนไปอย่างไรผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แข่งขันกันภายใต้กฎหมาย ข้อบังคับเดียวกัน แข่งขันการแบบเสรี ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ จะให้แจ้งต้นทุนราคาน้ำมันก็แจ้งได้ ไม่ได้กังวล ขอให้กฎหมายออกมามีความชัดเจน การปฏบัติต้องอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน ที่สำคัญ คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนมาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมัน นอกจากเติมน้ำมันแล้วก็มาใช้บริการด้านอื่นๆ ด้วย ต้องสร้างเครือข่ายที่เหมาะสมให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย