ผู้ชมทั้งหมด 861
“กุลิศ” หนุน “เอ็กโก กรุ๊ป” ปรับพอร์ตลงทุนมุ่งสู่พลังงานสะอาดรับเทรนด์โลก ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้าน “เอ็กโก กรุ๊ป” ตั้งเป้ามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 ขณะที่ระยะกลาง ลุยเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนแตะ 30% ในปี 2530 ลั่นจ่อชิงโควตาผลิตไฟพลังงานสะอาดของภาครัฐกว่า 5,000 เมกะวัตต์
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/11/S__144015480-1024x578.jpg)
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “EGCO Group Forum 2022: Carbon Neutral Pathway ปฏิบัติการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ว่า สถานการณ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศไทย ปี2565 อยู่ที่ 131.8 ล้านตันคาร์บอน เพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคพลังงานและภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สูงเท่ากับอยู่ที่ประมาณ 32% หรือกว่า 42 ล้านตันคาร์บอน ขณะที่ภาคขนส่ง มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ อยู่ที่ 30% และภาคอื่นๆ อีก 7% ซึ่งจะเห็นว่า ภาคพลังงานและภาคขนส่ง มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมกันอยู่ที่ 62% ถือเป็นสัดส่วนที่สูง เนื่องจากรถที่ใช้ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ 97-98% ยังเป็นเครื่องยนต์สันดาปที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง
ขณะที่ ประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม Cop 26 ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593(ค.ศ.2050) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHGs Emission) ในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ.2065) เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ
อย่างไรก็ตาม IEA มีการประเมินว่า ภายในปี 2050 หาก 10 ประเทศในแถบอาเซียนไม่ดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการใช้พลังงาน ก็จะเกิดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งก๊าซฯ ,น้ำมัน และถ่านหิน ต่อไป และจะไม่บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)ได้
ดังนั้น ประเทศไทย จึงได้จัดทำกรอบแผนพลังงานแห่งชาติ(National Energy Plan: NEP) ที่คาดว่า จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เพื่อกำหนดเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ไม่ต่ำกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 23-24% ของกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยจะไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมปรับการใช้พลังงานในภาคขนส่ง มุ่งส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ที่รัฐบาลได้มีมาตราการสนับสนุนการซื้อรถ ทำให้ราคารถอีวี ลดลงคันละ 2 แสนบาท และต่อไปก็จะดูเรื่องของแบตเตอรี่เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการลงทุนผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ซึ่งจะเห็นว่าในปีนี้ ยอดขายรถอีวีของประเทศเติมโตขึ้น 275% จากปีก่อน หรืออยู่ที่กว่า 10,000 คัน สะท้อนให้ว่าประชาชนให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดตามทิศทางของโลก โดยในระยะต่อไปรัฐบาลก็จะเดินหน้าแผนขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ครอบคลุมการใช้งานมากขึ้น
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/11/S__144015479-1-1024x577.jpg)
ตลอดจน รัฐต้องดูแลเรื่องของการปรับโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานให้รองรับ 4D1E เช่น เรื่องของมิเตอร์ไฟฟ้าที่สมาร์ทมากขึ้น จะเข้ามารองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ,การพัฒนาระบบไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวและยืดหยุ่น รวมถึง จะเร่งโปรโมท การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนให้เกิดขึ้นตามแผน ซึ่งในอนาคตจะมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์เข้าระบบถึง 6,000 เมกะวัตต์ใน 20 ปีข้างหน้า พลังงานลม อีก 1,500 เมกะวัตต์ ขยะ อีก 600 เมกะวัตต์ และไบโอแก๊สและไบโอแมส อีกประมาณ 800 เมกะวัตต์ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ล่าสุด การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้า สีเขียว (Utility Green Tariff) ในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีก เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
“จะเห็นว่า แนวทางที่รัฐทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเดินไปสู่ Carbon Neutral Pathway ขณะที่ เอ็กโก กรุ๊ป เองก็จะมุ่งเรื่องของกรีนไฮโดรเจน ที่เป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น”
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/11/S__144015475-1024x578.jpg)
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวในการเสวนา Carbon Neutral Roadmap โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้า 30 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ เอ็กโก กรุ๊ป ก่อตั้งบริษัท เมื่อราวปี 2535 ได้มีการพัฒนาโรงไฟฟ้าตามนโยบายของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันนโยบาย 4D1E ก็ถือเป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานต้องปรับตัว เอ็กโก กรุ๊ป จึงได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ Cleaner Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น จากปัจจุบัน มีกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 1,424 เมกะวัตต์ หรือ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ใน 7 ประเทศ จากกำลังผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท อยู่ที่ 6,079 เมกะวัตต์ ใน 8 ประเทศ
“ในระยะยาว บริษัท ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 แต่ในระยะสั้นการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังจำเป็นต่อความมั่นคงทางพลังงาน ฉะนั้นในระยะกลาง บริษัท ตั้งเป้าหมายจะลดการปล่อยคาร์บอนลง 10% ในปี 2030 โดยจะเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้อยู่ที่ 30% ในปี2030”
สำหรับแนวทางขยายพอร์ตฟอลิโอเพิ่มสัดส่วนการลงทุนพลังงานสะอาดนั้น บริษัท ได้ดำเนินการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟ้ฟาจากพลังงานหมุนเวียน โดยจะเห็นว่าที่ผ่านมา ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท “เอเพ็กซ์ คลีนเอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้งส์” ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีพอร์ตผลิตไฟฟ้าพลังงานโซลาร์ฯและลมกว่า 40,000 เมกะวัตต์
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/11/S__144015476-1024x577.jpg)
ขณะเดียวกันในส่วนของประเทศ ยังมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หลังจากภาครัฐเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้ารวมกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ซึ่ง เอ็กโก กรุ๊ป ก็สนในจเข้าร่วมการประมูลดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลก็ยังมีความสำคัญ แต่เอ็กโก กรุ๊ป จะมุ่งไปยังฟอสซิลที่มีความสะอาด โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นว่า บริษัทได้เข้าลงทุนโรงไฟฟ้า ลินเดนฯ ในสหรัฐ ที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากก๊าซฯควบคู่กับเชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้ ก็จะทำให้โรงไฟฟ้าก๊าซฯ มีความสะอาดมากขึ้น
ขณะที่ในประเทศไทย โรงไฟฟ้าถ่านหิน BLCP ก็ได้ศึกษาโครงการต้นแบบใช้แอมโมเนีย ราว 20% เข้ามาผสมผลิตไฟฟ้าก็จะทำให้โรงไฟฟ้าถ่านหินลดการปล่อยคาร์บอนฯลงได้
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/11/S__144015472-1024x563.jpg)
นอกจากนี้ ก็ยังศึกษาเรื่องของเทคโนโลยี CCUS ,แบตเตอรี่ และไฮโดรเจน รวมถึง การลงทุนเซลล์เชื้อเพลิง(Fuel Cell) และการผลิตไฟฟ้าจาพเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กที่สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าในระบบที่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์ เป็นต้น