ผู้ชมทั้งหมด 231
กทท. เปิดเวทีเวิร์กช็อปใหญ่ระดมสมองผู้ประกอบการขนส่ง – ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เดินหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนคลี่คลายสถานการณ์จราจรติดขัดท่าเรือแหลมฉบัง ย้ำพร้อมใช้ Truck Queue 100% ภายในสิงหาคมนี้

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาการจราจรในท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ว่า การประชุมในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงและผลักดันการดำเนินการให้เกิดผลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยได้เรียนเชิญผู้ให้บริการท่าเทียบเรือ ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ส่งออก–นำเข้า และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและภาคเอกชน ฯลฯ มาร่วมแสดงความคิดเห็นจากปัญหาการจราจรแออัดภายในท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ซึ่งเกิดจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งตู้สินค้าผ่าน ทลฉ. ราว 914,769 TEUs เพิ่มขึ้นกว่า 10% ใน 5 เดือนแรกของปีนี้
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ส่งผลให้รถบรรทุกหนาแน่นและจราจรติดขัดรุนแรงเกินโครงสร้างพื้นฐานที่ ทลฉ. รองรับได้ในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาเรือดีเลย์และตู้สินค้าคงค้างอีกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าปี 2568 จะมีรถบรรทุกใช้บริการ ทลฉ. กว่า 5.4 ล้านคันต่อปี เฉลี่ย 15,000 คันต่อวัน และอาจสูงสุดถึง 20,000 คันต่อวัน 820 คันต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กทท.ได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านนโยบาย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านกฎหมายและด้านอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้นำมาสู่มาตรการในระยะต่างๆ ได้แก่ มาตรการเร่งด่วน จัดสรรพื้นที่ 70 ไร่ และ 22 ไร่ เพื่อรองรับรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้น เพิ่มพื้นที่ภายในศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟเพื่อวางตู้สินค้าขาออก ซึ่งจะสามารถรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มอีก 19,410 TEUs



นอกจากนี้ยังนำระบบ IT มาใช้ในการบริหารจัดการ เช่น พัฒนา Mobile Application เพื่อบริหารจัดการจราจร และบังคับใช้ระบบ LCP Truck Queue 100% ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ในด้านการประสานงานจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก อาทิ กรมศุลกากรเพื่ออนุญาตให้จัดเก็บตู้สินค้าขาเข้านอกเขตท่าเทียบเรือเป็นการชั่วคราว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจปล่อยสินค้าให้พร้อมปฏิบัติงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง เร่งเปิดช่องทางเข้า-ออกใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพการจราจร เพื่อลดความแออัดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
สำหรับการอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม กทท. ได้จัดห้องสุขาเคลื่อนที่เพิ่มเติมอีก 12 จุด และจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันได้ดำเนินมาตรการคู่ขนาน โดยเตรียมพื้นที่นอกเขตรั้วศุลกากรกว่า 83 ไร่ สำหรับเป็นจุดพักรถบรรทุก และปรับพื้นที่ว่างในศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟใช้เป็นพื้นที่สำรองจอดรถบรรทุก
ส่วนมาตรการระยะยาว กทท. ร่วมกับธนาคารโลก (World Bank) เร่งจัดทำ Master Plan ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเร่งรัดโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ให้สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2570 ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างค่าภาระ เพื่อบริหารจัดการตู้สินค้าคงค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ผลจากการประชุมฯ มีมติให้เร่งขับเคลื่อน 3 ประเด็นหลักโดยทันที ได้แก่ การผลักดันระบบ LCP Truck Queue 100% ให้สามารถใช้งานได้ตามกำหนด รวมถึงบำรุงรักษาความลึกร่องน้ำให้ได้ระดับความลึกตามที่กำหนดในแต่ละ Basin เพื่อสนับสนุนห่วงโซ่โลจิสติกส์การนำเข้าส่งออก และการเร่งจัดหาพื้นที่วางตู้สินค้าชั่วคราวเพื่อบรรเทาสถานการณ์ในระยะนี้โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม กทท. หวังว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาจราจรและการบริหารตู้สินค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านเวลา เพิ่มความคล่องตัวในการขนส่งให้กับผู้ประกอบการทุกฝ่าย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่และประเทศโดยรวม