ผู้ชมทั้งหมด 86
กทท.ครบรอบ 74 ปี โชว์ผลงานปี 67 กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 7,648 ล้าน ขณะครึ่งปีแรก 68 มีกำไร 3,500 ล้าน ตั้งเป้าบริหารจัดการพื้นที่ท่าเรือให้มีประสิทธิภาพ พร้อมเร่งก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ให้เสร็จตามแผนก่อนเปิดบริการต้นปี 71
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ PAT ARENA เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนาการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ครบรอบ 74 ปี

นางมนพร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 74 ปีที่ผ่านมา กทท. ได้พัฒนาท่าเรือในกำกับดูแลทั้ง 5 ท่า เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ทันสมัย สอดคล้องกับนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมในภูมิภาค ในส่วนมิติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม กทท. ก็ได้ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับชุมชนโดยรอบท่าเรืออย่างยั่งยืน
โดยดำเนินโครงการต่างๆ ตามแนวทาง ESG ดังนั้นบทบาทของ กทท. จึงไม่เพียงแค่การบริหารจัดการท่าเรือเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเป็นกลไกหลักในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับประเทศและภูมิภาคเชื่อมโยงไทยกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งนับจากปีที่ 75 กทท.ต้องพยายามทำกำไรให้ได่มากที่สุด เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
นางมนพร กล่าวอีกว่า สิ่งที่ กทท.ต้องเร่งดำเนินการ คือ โครงการการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เพื่อรองรับการขยายขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า โดยในส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเลนั้นที่ผ่านมาพบปัญหาความล่าช้า แต่ตนได้ติดตามเร่งรัดงานจนปัจจุบันมีความคืบหน้าประมาณเกือบ 70% ซึ่งเป็นไปตามแผนงานแล้ว และจะสามารถส่งมอบพื้นที่ท่าเรือชายฝั่ง F1 ให้กับผู้สัมปทานได้เร็วกว่าแผนประมาณ 2 เดือน จากนั้นจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการท่าเรือ F1 ได้ประมาณปลายปี 2570 หรือต้นปี 2571
ส่วนของท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ต้องเร่งพัฒนาในทุกด้าน ทั้ง Smart Port ที่มุ่งยกระดับการให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย Smart Commercial การพัฒนาพื้นที่หลังท่าเพื่อรองรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพิ่มศักยภาพด้านการลงทุน ยกระดับพื้นที่ให้เป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ใจกลางเมือง และSmart Community พัฒนาที่อยู่อาศัยในแนวสูง สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี มีมาตรฐานและสร้างความสุขให้คนในชุมชนเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาท่าเรือ
“ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องการย้ายท่าเรือคลองเตย แต่จะนำชุมชนเข้ามาร่วมพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ” นางมนพร กล่าว

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ในส่วนของผลประกอบการของ กทท. นั้นในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา กทท. มีรายได้สูงสุดรวม 17,224 ล้านบาท ถือเป็น New Record ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน โดยในปีงบประมาณ 2565 มีกำไรสุทธิ 6,276 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2566 มีกำไรสุทธิ 6,666 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2567 มีกำไรสุทธิ 7,648 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้ง ด้านผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) มีกำไรสุทธิ 3,500 ล้านบาท มีเรือเทียบท่าที่ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง รวม 7,371 เที่ยว เพิ่มขึ้น 1.95% สินค้าผ่านท่า 61.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.10% และตู้สินค้าผ่านท่า 5.56 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 5.35%
สำหรับท่าเรือระนองมีสินค้านำเข้า – ส่งออกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวโดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกับประเทศเมียนมา ส่งผลให้ปริมาณเรือ ตู้สินค้า และสินค้าผ่านท่าเพิ่มสูงขึ้นโดยผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) มีเรือเทียบท่าทั้งสิ้น 131 เที่ยว เพิ่มขึ้น 49% ตู้สินค้าผ่านท่า 3,170 ตู้ เพิ่มขึ้น 371% สินค้าผ่านท่า 79,810 ตัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในส่วนของความคืบหน้าโครงการสัตว์ส่งออกมีชีวิตของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรในพื้นที่นั้น มีผลการดำเนินการส่งออกสัตว์ (สุกร) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบฯ อยู่ที่ 1,964 ตัว ส่งผลให้มีผลประกอบการในภาพรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ



นอกจากนี้ กทท. ยังมีโครงการที่ยังต้องสานต่ออีกหลายโครงการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 มีความคืบหน้า ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ในส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเลอยู่ที่ 68.30% ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค กทท. ได้ส่งมอบพื้นที่และออกหนังสืออนุญาตเริ่มงานก่อสร้าง (NTP) เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงาน ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ขนย้ายสินค้าอยู่ระหว่างจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) และว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทบทวนเอกสารประกวดราคา ซึ่งการดำเนินงานทั้ง 4 ส่วนงานต้องสอดคล้องต่อเนื่องกัน
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ได้พิจารณาตามผลการศึกษาแผนแม่บทของ สนข. โดยในจังหวัดขอนแก่นเป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากมีความชัดเจนในตำแหน่งที่ตั้งและประชาชนในพื้นที่ก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการลงทุนเพิ่มเติมที่เหมาะสมที่จะนำมาพัฒนาโครงการในพื้นที่ สำหรับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดนครสวรรค์อยู่ระหว่างการวางแผนการศึกษาเพื่อขยายโครงการในอนาคต ทั้งนี้ยังมีแผนการศึกษาการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่แนวเส้นทางรถไฟในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สถานีภาชี) และจังหวัดราชบุรี (สถานีหนองปลาดุก) เป็นต้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาท่าเรือบกของ กทท. ต่อไป
ต่อข้อถามถึงมาตรการด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบต่อการนำเข้าส่งออกของประเทศหรือไม่ นายเกรียงไกร กล่าวว่า หลังจากมีแนวโน้มว่าภาษีจะเพิ่มขึ้นก็ทำให้เกิดการเร่งการส่งออกสินค้าค่อนข้างมาก เนื่องจากเกรงว่าหากส่งช้าจะกระทบต่อต้นทุนที่แพงขึ้น ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรกจึงเห็นปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กทท.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด