กบร. ไฟเขียว ปรับขึ้นค่า PSC ขาออกระหว่างประเทศเป็น 1,120 บาท มีผลปี 69

Loading

กบร. ไฟเขียว ปรับขึ้นค่า PSC ขาออกระหว่างประเทศเป็น 1,120 บาท มีผลปี 69 หนุน AOT มีรายได้เพิ่ม 13,650 ล้านบาทต่อปี พร้อมปรับอัตราค่าธรรมเนียมการเข้าออกประเทศจาก 15 บาทเป็น 25 บาท

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินพลเรือน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Passenger Service Charge)ในท่าอากาศยานสังกัดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT ทั้ง 6 แห่ง ตามที่คณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือ กพท. เสนอ ในจำนวน 390 บาท จากปัจจุบัน 730 บาทต่อคน เพิ่มเป็น 1,120 บาทต่อคน ขณะที่เส้นทางภายในประเทศยังคงอัตราเดิม 130 บาทต่อคน ซึ่งประมาณการณ์ว่าจะส่งผลให้ AOT มีรายได้เพิ่มขึ้น 13,650 ล้านบาทต่อปีจากปริมาณผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ จำนวน 35 ล้านคนต่อปี

อย่างไรก็ตามตัวเลขการปรับขึ้นค่า PSC ดังกล่าวมาจากที่ AOT ได้จัดทำประชาพิจารณ์และสอบถามความเห็นจากผู้โดยสาร ซึ่งผู้โดยสารต่างชาติกว่า 90% ไม่ขัดข้อง และผู้โดยสารชาวไทย 85% ก็ไม่ขัดข้องเช่นกันในการปรับขึ้นดังกล่าว โดยหลังจากนี้ AOT ต้องนำส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ กพท. ตรวจสอบ และดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมชี้แจงอัตราที่เสนอปรับเพิ่มและเหตุผลความจำเป็น จากนั้นจึงรายงานผลต่อ กพท. ก่อนนำเสนอที่ประชุม กบร.อีกครั้ง พร้อมกำหนดให้แจ้งประชาชนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4 เดือนก่อนเริ่มจัดเก็บในอัตราใหม่ในปีช่วงต้นปี 2569

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า การปรับเพิ่ม PSC เป็นมาตรการที่หลายประเทศใช้เพื่อรองรับต้นทุนการพัฒนาสนามบินให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศในหลายด้าน เช่น

– ยกระดับความปลอดภัยและมาตรฐานบริการสนามบิน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะนำไปใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน

– รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนนักเดินทางขาเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การมีระบบบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพจะช่วยลดภาระคอขวดและสนับสนุนการเดินทางที่สะดวกขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีโดยตรงต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศ

– ส่งเสริมบทบาทประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการบินของภูมิภาค การมีสนามบินที่มีศักยภาพและคุณภาพสูงจะดึงดูดสายการบินต่างประเทศให้เพิ่มเที่ยวบินหรือเปิดเส้นทางใหม่ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนของประเทศอย่างยั่งยืน

“การปรับขึ้นค่าPSC  เพื่อให้AOT สามารถนำรายได้ไปพัฒนาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) “นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพัฒน์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบการปรับเพิ่มค่า PSC ที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เสนอเพื่อใช้ในท่าอากาศยานตรัง สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นไม่เกิน 425 บาทต่อคน จากเดิม 400 บาทต่อคน และสำหรับเส้นทางภายในประเทศเป็นไม่เกิน 75 บาทต่อคน จากเดิม 50 บาทต่อคน โดยจะเริ่มจัดเก็บได้เมื่อท่าอากาศยานตรังติดตั้งระบบ CUPPS และอุปกรณ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พร้อมเปิดให้บริการครบ 3 ระบบ ได้แก่ CUTE, CUSS และ CUBD ทั้งยังต้องผ่านการตรวจสอบความพร้อมโดย กพท. และแจ้งผู้โดยสารล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4 เดือนก่อนเริ่มเก็บค่าบริการในอัตราใหม่

ปัจจุบันมีสนามบินในสังกัด ทย.ทั้งหมด 6 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินอุบลราชธานี สนามบินขอนแก่น สนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินพิษณุโลก ที่เก็บค่าบริการในอัตรานี้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบการปรับอัตราค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศจากเดิม 15 บาทต่อผู้โดยสารต่อเที่ยว เป็น 25 บาทต่อผู้โดยสารต่อเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนและภารกิจด้านการกำกับดูแลตามกฎหมายด้วย