![]()
กฟผ. ลุ้น! วันที่ 11 พ.ย.นี้ ครม. อนุมัติโซลาร์ลอยน้ำ 3 เขื่อนศรีนครินทร์ ภูมิพล ชิราลงกรณ ลงทุนระยะแรก รวมกำลังการผลิต 348 เมกะวัตต์ คาดใช้งบลงทุนรวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แย้ม BGRIM คว้าเฟสแรกเขื่อนศรีนครินทร์
แหล่งข่าวจากวงการพลังงาน เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) ระยะที่ 1 ทั้ง 3 เขื่อนของ กฟผ. ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการได้ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 โดยในระยะแรกของทั้ง 3 โครงการมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 348 เมกะวัตต์ คาดใช้งบลงทุนรวมกว่า 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เขื่อนศรีนครินทร์ กำลังการผลิต 140 เมกะวัตต์ เขื่อนภูมิพล กำลังการผลิต 158 เมกะวัตต์ และเขื่อนชิราลงกรณ กำลังการผลิต 50 เมกะวัต์


อย่างไรก็ตามโครงการ Floating Solar ในระยะแรกของทั้ง 3 เขื่อน (เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนชิราลงกรณ) นั้นในขั้นตอนการประกวดราคา และในขั้นตอนของการนำเสนอครม. ได้ดำเนินการควบคู่กัน ซึ่งโครงการระยะแรกของเขื่อนศรีนครินทร์ดำเนินการประกวดราคาและได้ตัวผู้รับเหมาติดตั้งโครงการแล้ว คือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM
ส่วนโครงการระยะแรกของ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนชิราลงกรณ ภายหลังจากครม.อนุมัติ คาดว่าจะสามารถดำเนินในขั้นตอนของการประกวดราคาได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2568 หรือไม่เกินต้นเดือนมกราคม 2569 หลังจากนั้นกฟผ.ก็จะเร่งดำเนินโครงการ Floating Solar ในระยะที่เหลือ
อนึ่งโครงการ Floating Solar ทั้ง 3 เขื่อนดังกล่าว หากรวมการทุกระยะจะมีกำลังผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น เขื่อนศรีนครินทร์ มีแผนดำเนินโครงการ 4 ระยะ กำลังผลิตรวม 770 เมกะวัตต์ โดยระยะที่ 1 มีกำลังผลิต 140 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ผิวน้ำประมาณ 1,020 ไร่ ใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์ชนิด Double Glass Monocrystalline Silicon PV กำลังผลิตไม่น้อยกว่า 650 วัตต์/แผง กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี 2570 ระยะที่ 2 กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ ระยะที่ 3 กำลังผลิต 280 เมกะวัตต์ และระยะที่ 4 กำลังผลิต 300 เมกะวัตต์
เขื่อนภูมิพล กำลังผลิต 778 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น ระยะที่ 1 กำลังผลิต 158 เมกะวัตต์ ระยะที่ 2 จำนวน 300 เมกะวัตต์ และระยะที่ 3 จำนวน 320 เมกะวัตต์ และเขื่อนวชิราลงกรณ กำลังผลิต 90 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นระยะที่ 1 กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ และระยะที่ 2 กำลังผลิต 40 เมกะวัตต์ ทั้งนี้การลงทุนโครงการ Floating Solar ของกฟผ.นั้นนอกจากเสริมกำลังการผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศแล้วยังช่วยตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ หรือ Net Zero ในปี 2050 ของประเทศไทย โดยจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวม 20.56 ล้านตัน ตลอดระยะเวลา 25 ปี