“กรมราง” ติดตามงานปรับปรุงสะพานรถไฟข้ามคลองผันน้ำคลองชุมพร แก้น้ำท่วมซ้ำซาก

Loading

“กรมราง” ติดตามงานปรับปรุงสะพานรถไฟข้ามคลองผันน้ำคลองชุมพร แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก เสริมประสิทธิภาพขนส่งสินค้าทางราง

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ขร.  ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้างานปรับปรุงสะพานรถไฟข้ามคลองผันน้ำคลองชุมพร เป็นสะพานเหล็กโครงถัก (Through Truss Bridge: TT) ขนาด 1×110.056 เมตร บริเวณเสาโทรเลขที่ 473/10-12 ระหว่างสถานีแสงแดด – สถานีทุ่งคา จังหวัดชุมพร

โดยที่ผ่านมากรมชลประทานได้ดำเนินโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรตามแนวพระราชดำริ (คลองผันน้ำคลองชุมพร) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณสี่แยกปฐมพร และพื้นที่ลุ่มต่ำ 6 ตำบลของอำเภอเมืองชุมพร ได้แก่ ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลตากแดด ตำบลบางหมาก ตำบลทุ่งคา และตำบลวังไผ่ มีพื้นที่ได้รับผลประโยชน์ 37,500 ไร่ ซึ่งกรมชลประทานได้ออกแบบให้คลองชุมพรสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคลองผันน้ำรองรับปริมาณน้ำได้ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวม 550 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที การดำเนินโครงการดังกล่าว มีจุดที่เป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำเกี่ยวข้องกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 1 จุด คือพื้นที่ทางรถไฟข้ามคลองผันน้ำ มีทางระบายน้ำกว้าง 15 เมตร สามารถระบายน้ำได้เพียง 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปัจจุบันเป็นสะพานเหล็ก ขนาดกว้าง 2×25  เมตร ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำบริเวณดังกล่าว รฟท. จึงขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ปรับปรุงขยายสะพานรถไฟข้ามคลองผันน้ำคลองชุมพร โดยว่าจ้างกลุ่มกิจการร่วมค้า เอ.เอส.เอ็ม. 3 ดำเนินการ ปัจจุบันมีความคืบหน้าร้อยละ 55.28 (ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568)

ทั้งนี้ได้กำชับให้ รฟท. เร่งประสานผู้รับจ้างปรับปรุงแผนการดำเนินงาน ได้แก่ งานตะม่อสะพาน งานคลองชลประทาน งานปรับปรุงทางประธาน งานทำทางเบี่ยงและรื้อทางเบี่ยง และงานรื้อย้ายและติดตั้งเสาโทรเลข รวมถึงเพิ่มทรัพยากรทั้งเครื่องมือและบุคลากร เพื่อให้สามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตามแผนงานภายในเดือนมีนาคม 2569 ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ขร. ได้ดำเนินการศึกษาจัดทำมาตรฐานระบบระบายน้ำโครงสร้างพื้นฐานระบบรางและจัดทำมาตรการลดความเสี่ยงต่อภัยระบบราง โดยได้จัดทำมาตรฐานระบบระบายน้ำ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) สำหรับการแก้ไขปัญหาของการเกิดภัยต่อระบบราง และออกแบบรายละเอียดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่มที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งจัดทำเอกสารประมาณราคาจำนวน 10 แห่ง เพื่อส่งมอบให้ รฟท. เป็นแนวทางดำเนินการก่อสร้างตามมาตรฐาน

นายพิเชฐ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังได้มีการติดตามงานจ้างเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุดหรือรับน้ำหนักกดลงเพลามาตรฐาน U.20 (20 ตัน/เพลา) ไม่ได้ ในพื้นที่จังหวัดชุมพรด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาทางรถไฟทั่วประเทศมีสะพานรถไฟรวมทั้งสิ้น 2,630 แห่ง เป็นสะพานรถไฟที่มีสภาพเก่า ชำรุด ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถและจำเป็นต้องปรับปรุงให้ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน 1,434 แห่งตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553 – 2558 แต่เนื่องจากติดข้อจำกัดเรื่องการขอรับการจัดสรรงบประมาณ จึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ครบถ้วน โดยในช่วงปี 2554 – 2568 รฟท. ได้รับการจัดสรรงบประมาณและดำเนินการแล้ว 646 แห่ง โดยทางรถไฟสายใต้ได้ปรับปรุงสะพานให้สามารถรองรับน้ำหนักมาตรฐาน U20 จากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งทางรถไฟสายแยกไปสุพรรณบุรี และสายวงเวียนใหญ่ -มหาชัย นอกจากนี้  รฟท. ได้ดำเนินการปรับปรุงสะพานที่ทรุดโทรม ระยะเร่งด่วนพื้นที่จังหวัดชุมพร  โดยใช้งบทำการ รฟท.  ปี 2567 ปรับปรุงสะพานแล้วเสร็จ จำนวน 6 แห่ง ส่วนในปีงบประมาณ 2569 รฟท. ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงานเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุดหรือรองรับน้ำหนักกดเพลามาตรฐาน U.20 จำนวน 64 แห่ง อยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร 17 แห่ง (ช่วงสถานีปะทิว – สถานีชุมพร) วงเงิน 160.308 ล้านบาท ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างจัดทำร่างขอบเขตงาน (TOR) และราคากลางก่อนดำเนินการประกวดราคาต่อไป 

นอกจากนี้ รฟท. ได้เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 สำหรับดำเนินการปรับปรุงสะพานรถไฟในพื้นที่จังหวัดชุมพรอีก 64 แห่ง (ช่วงสถานีชุมพร – สถานีคลองขนาน) วงเงิน 499.541 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือของพื้นที่จังหวัดชุมพร จากสถานีคลองขนาน – สถานีบ้านดวด 21 แห่ง จะขอรับการจัดสรรงบประมาณในปี 2571 ซึ่ง ขร. ช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการขอรับงบประมาณในการปรับปรุงสะพานรถไฟดังกล่าวอย่างเต็มที่ 

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนหรือเสริมความมั่นคงสะพานที่ชำรุดหรือรับน้ำหนักกดลงเพลามาตรฐาน U.20 เป็นการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาสะพานรถไฟที่มีสภาพเก่า ชำรุด เนื่องจากมีการใช้งานมานาน ให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง ได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อการเดินรถ และหากปรับปรุงสะพานรถไฟแล้วเสร็จจะสามารถรองรับการขนส่งสินค้าซึ่งเป็นรายได้หลักของ รฟท. ได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วประเทศ เนื่องจากปัจจุบันได้นำรถจักร CSR น้ำหนักกดลงเพลา 20 ตันต่อเพลา มาวิ่งลากจูงผ่านสะพานรถไฟที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน 20 ตันต่อเพลาในเส้นทางการเดินรถ จึงจำเป็นต้องลดความเร็วขบวนรถในช่วงที่วิ่งผ่านสะพานรถไฟและบรรทุกสินค้าได้ไม่เต็มที่ ซึ่งการปรับปรุงสะพานดังกล่าวจะทำให้มีสะพานในทางรถไฟเดิมสอดคล้องกับงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ที่มีแผนจะดำเนินการก่อสร้างใหม่

เนื่องจากที่ผ่านมาโครงการปรับปรุงทางในเส้นทางเดิมถูกปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว โดยยังคงเหลืองานปรับปรุงสะพาน โดย รฟท. จะต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และทาง รฟท. ได้ใช้งบลงทุนปี 2567 ของ รฟท. เพื่อดำเนินการผลิตหรือจัดหาหมอนเหล็กรูปพรรณเปลี่ยนทดแทนหมอนไม้บนสะพานเหล็ก และยกปรับระดับสะพานในทางรถไฟสายใต้ของพื้นที่แขวงบำรุงทางชุมพร จังหวัดชุมพร จำนวน 48 ช่วง วงเงิน 20.392 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันหมอนบนสะพานรถไฟยังเป็นหมอนไม้ มีสภาพชำรุด จัดหามาเปลี่ยนทดแทนได้ยาก รองรับน้ำหนักขบวนรถได้น้อย ชำรุดได้ง่าย และยากต่อการบำรุงรักษา จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นหมอนเหล็กรูปพรรณที่มีอายุการใช้งานยาวนาน มีความแข็งแรงมั่นคง สามารถรองรับน้ำหนักของขบวนรถอย่างปลอดภัยมากขึ้น และยังลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างเตรียมลงนามในสัญญาจ้างบริษัท เวสท์โคสท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้รับจ้างงานผลิตหรือจัดหาหมอนเหล็กรูปพรรณ โดยจะลงนามภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 300 วัน ก่อนดำเนินการเปลี่ยนหมอนเหล็กรูปพรรณและยกระดับสะพานรถไฟตามแผน

นายพิเชฐ กล่าวว่า นอกจากงานปรับปรุงสะพานรถไฟในทางเดิมแล้ว เส้นทางรถไฟสายใต้ยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ระยะทาง 534 กิโลเมตร ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายระยะเร่งด่วน (Quick Win) ของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดย ขร.ได้ประมวลเรื่องเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ตามแผน  ทั้งนี้ ขร.ได้แจ้งให้ รฟท. โดยฝ่ายการช่างโยธาขอรับการจัดสรรงบประมาณตั้งแต่แปี 2570 ในการปรับปรุงสะพานรองรับมาตรฐาน U.20 ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ก่อสร้างรถไฟทางคู่ให้แล้วเสร็จใกล้เคียงกัน  นอกจากนี้ รฟท. ยังมีแผนดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโก-ลก ระยะทาง 215 กม. ซึ่งรฟท. ลงนามสัญญาจ้างกลุ่มที่ปรึกษา เทสโก้ จำกัด เพื่อศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม วงเงิน 69.98 ล้านบาท วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 และหากโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ดำเนินการแล้วเสร็จก็จะช่วยให้โครงข่ายรถไฟทางคู่ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้สายหลักทั้งหมด รองรับการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น