กลุ่มแท็กซี่สุวรรณภูมิบุกคมนาคม ร้องความเท่าเทียมแกร็บ “สุรพงษ์” สั่ง AOT หาทางออก

ผู้ชมทั้งหมด 86 

กลุ่มแท็กซี่สุวรรณภูมิบุกคมนาคม วอนสร้างความเท่าเทียมการให้บริการระหว่างแท็กซี่ทั่วไปกับรถที่เรียกบริการผ่านแอปฯ แกร็บ หลังรายได้ลดลงอย่างมาก คมนาคมสั่ง AOT หาทางออก นัดสรุปอีกรอบ 28 พ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ที่ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมร่วมกับสมาคมผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างความเท่าเทียมระหว่างรถแท็กซี่กับผู้ให้บริการรถยนต์ผ่านระบบแอปพลิเคชัน หลังจากสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ นำโดยนายวรพล แกมขุนทดนายกสมาคม ได้เดินทางมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเกี่ยวกับปัญหาความเดือนร้อนของผู้ขับรถแท็กซี่ที่ให้บริการภายใน ทสภ.เนื่องจากจำนวนเที่ยววิ่งลดลง กระทบรายได้อย่างมาก หลังมีรถที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันแกร๊ปเข้ามาให้บริการ จึงขอให้นำระบบเรียกรถผ่านแอปฯแกร๊ปออกจากการให้บริการที่ทสภ.

โดยมี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นายรัชชาณล กิตติพัทธ์ ผู้แทนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างโดยสารแท็กซี่ เครือข่ายแท็กซี่ประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า  ตนได้รับข้อร้องเรียนจากนายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ และทีมงาน เกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงของรถแท็กซี่ ที่ให้บริการบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) เนื่องจากประชาชนหันไปใช้บริการรถยนต์ผ่านระบบแอปพลิเคชันมากขึ้น โดยขอให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการแก้ปัญหาในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1. ขอให้แก้ไขปัญหาความเดือนร้อนให้กับผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ที่ให้บริการภายใน ทสภ. โดยให้มีความสะดวกในการเข้าถึงบริการทั้งแอปพลิเคชัน และแท็กซี่อย่างเท่าเทียมกัน อาทิ มีจุดบริการและเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลจุดจอดแท็กซี่ และป้ายบอกทาง เพื่อส่งเสริมให้มีผู้มาใช้บริการรถแท็กซี่เพิ่มขึ้น

2. ขอให้ปรับปรุงแก้ไข กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่และผู้ประกอบการรายย่อย 3. ขอให้พิจารณาทบทวนหรือยกเลิกการอนุญาตให้รถยนต์ที่เรียกผ่านระบบแอปพลิเคชันสามารถเข้าให้บริการในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ AOT ไปพิจารณาแนวทางการให้บริการรถสาธารณะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก พร้อมสั่งการให้ ขบ.รวบรวมและจัดทำรายงานสรุป เพื่อร่วมหารือกับทีมกฎหมายของสมาคมฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับให้มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดปัญหาและภาระให้กับผู้ประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม โดยยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้ใช้บริการเป็นสำคัญต่อไป

ด้านนายจิรุตม์ กล่าวว่า การให้บริการรถสาธารณะที่ ทสภ.มีหลากหลาย ทั้งรถเมล์ขสมก. แท๊กซี่มิเตอร์ รถที่ให้บริการผ่านแอปฯ รถป้ายเขียว และรถลีมูซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ แต่ประเด็นปัญหาของกลุ่มแท๊กซี่นั้น กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ AOT ไปพิจารณาหาทางออกที่ทำให้การให้บริการสาธารณะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการเป็นหลัก และผู้ให้บริการสามารถอยู่ร่วมกันได้

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น AOT ให้ข้อมูลว่า จำนวนเที่ยววิ่งของรถแท็กซี่มิเตอร์ที่เรียนผ่านคิวอยู่ที่ประมาณ 6,000 เที่ยวต่อวัน และรถที่เรียกผ่านแอปฯประมาณ 5,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งรวมถึงรถแท็กซี่มิเตอร์ที่เข้าร่วมให้บริการผ่านแอปฯด้วย ทั้งนี้ AOT ยืนยันว่าการอนุญาตให้รถที่เรียกผ่านแอปฯเข้ามาให้บริการในพื้นที่สนามบินเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากทสภ.เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของ AOT มีสิทธิ์ที่จะจัดการพื้นที่ได้ ทั้งนี้ นายสุริพงษ์ ได้สั่งการให้ AOT ไปพิจารณาหาทางออกให้กับกลุ่มแท๊กซี่กับรถที่เรียกริการผ่านแอปฯ ก่อนนำประชุมสรุปอีกครั้งในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้