ขบ.ครบรอบ 84 ปี จับมือ ธ.กรุงไทย เปิดบริการจ่ายภาษีรถผ่านแอปฯ เป๋าตัง

ผู้ชมทั้งหมด 53 

ขบ.ครบรอบ 84 ปี จับมือ ธ.กรุงไทย เปิดบริการจ่ายภาษีรถผ่านแอปฯ เป๋าตัง ชี้มีรถต้องเสียภาษีประจำปี 44 ล้านคัน มีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 4 หมื่นล้าน พร้อมต่อยอดบริการต่ออายุใบขับขี่ผ่านแอปฯเป๋าตัง ในปี 69

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 68 ที่อาคารศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการขนส่งทางถนน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 84 ปี “ขับเคลื่อนวัตกรรมเพื่อการขนส่งที่ปลอดภัย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” พร้อมร่วมเปิดตัวบริการรับชำระภาษีรถประจำปี ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ขบ.กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีขบ. นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคมและผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายสุรพงษ์ ปิกล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 ปี ของขบ. ตนได้มอบหมายให้ขบ. เร่งยกระดับพัฒนาด้านต่างๆ โดยการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เพื่อกำกับ ดูแล พัฒนาระบบการขนส่งทางถนน และการให้บริการประชาชม รวมถึงขยายความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงคมนาคม โดยล่าสุดขบ.ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)ในการพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ใช้บริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้เป็นผลสำเร็จ เพิ่มช่องทางในการชำระภาษีรถผ่านระบบออนไลน์ สามารถชำระภาษีรถได้ทุกที่ทุกเวลา ลดภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาใช้บริการที่ขบ.

สำหรับการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” นั้นเริ่มเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และหวังว่าจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนำนวัตกรรม เทคโนโลยีมาปรับประยุกตใช้กับการกำกับ ดูแล พัฒนาระบบการขนส่งทางถนน และการให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

“ขอเชิญชวนให้ประชาชนเสียภาษีรถผ่านระบบออนไลน์บนแอพพลิเคชันเป๋าตังค์ ซึ่งปัจจุบันมีรถที่จดทะเบียนในระบบของ ขบ. และต้องเสียภาษีประจำปีประมาณ 44 ล้านคัน ซึ่งจะมีเงินหมุนเวียนในระบบราว 4 หมื่นล้านบาท และภาษีที่จ่ายไปก็ไม่ได้หายไปไหน แต่กระจายไปพัฒนาการขับขี่ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นในกรุงเทพประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ส่วนที่เหลือกระจายไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มั่นใจว่าจะช่วยอำนวยความสะอาด รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่าย ลดเวลาเดินทางได้อย่างแน่นอน” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2569 ขบ.กับกรุงไทยจะต่อยอดระบบการให้บริการไปสู่การต่อใบอนุญาตขับขี่ออนไลน์ โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับแพทยสภา เรื่องระบบสุขภาพ ใบรับรองแพทย์ด้านสมรรถนะทางร่างกาย  สายตา การตอบสนอง หากทำได้กฎระเบียบต่างๆจะถูกเชื่อมโยงด้วยระบบออนไลน์ โดยไม่ละเลยเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่และการใช้รถใช้ถนน

นายจิรุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาขบ.ได้บูรณาการร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาช่องทางการทำธุรกรรมการขอรับใบอนุญาตขับรถรถระหว่างประเทศผ่านแอปพลิเคขัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นการนำเทคโน่โลยีดิจิทัลเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถ และตั้งแต่เปิดใช้ระบบดังกล่าว เมื่อ 13 ธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนผู้ใช้บริการออกใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศแล้ว จำนวน 51,257 ฉบับ ถือว่าได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั้ง 2 หน่วยงานได้ร่วมมือกันต่อยอดพัฒนาการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันแอปฯเป๋าตังมีจำนวนผู้ใช้งานมากว่า 40 ล้านราย ทำให้เชื่อได้ว่าระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มจำนวนรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถประจำปีได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นการอำนวยประชาชนที่ต้องการชำระภาษีรถ ให้สามารถทำธุรกรรมทุกขั้นตอนได้ผ่านแอปฯเป๋าตัง ตั้งแต่การยื่นชำระภาษี ชำระเงิน และรอรับเครื่องหมายการเสียภาษีที่บ้านผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทย ซึ่งระหว่างที่รอรับการจัดส่งเครื่องหมาย ยังสามารถแสดงเครื่องหมายการเสียภาษีผ่านแอปฯได้ภายในระยะเวลา 15 วันด้วย

นอกจากนี้ยังร่วมกันต่อยอดโดยการพัฒนาระบบการให้บริการต่ออายุใบอนุญาตขับรถผ่านแอปฯเป๋าตัง ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถเปิดให้ประชาชนใช้งานได้ภายในปี 2569 รวมทั้ง ขบ.ยังได้ดำเนินการวารวางระบบรับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจดทะเบียนรถ (e-Service)โดยเป็นการยื่นเอกสารขอจดทะเบียนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดระยะเวลาการจดทะเบียน ส่งผลให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และช่วยลดการใช้ป้ายแดงระหว่างรอการจดทะเบียนรถ โดยในปี 2569 จะนำร่องใช้กับการจดทะเบียนรถสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) และรถจักรยานยนต์ (รย.12) ก่อนขยายไปยังรถประเภทอื่นๆต่อไป

นายจิรุตม์ กล่าวด้วยว่า กรณีการต่อภาษีสำหรับรถที่ต้องตรวจสภาพนั้นก็สามารถต่อภาษีออนไลน์ได้เข่นกัน โดยตรวจที่สถานตรวจสอบรถเอกชน (ตรอ.) ที่ลงทะเบียนไว้ในระบบของ ขบ.ก็สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทางออนไลน์ และสามารถเช็คย้อนหลังได้

“การให้บริการใบขับขี่ผ่านระบบออนไลน์นั้นดำเนินการเฉพาะกรณีการต่ออายุเท่านั้น ไม่ใช่การขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่ เพราะการขอใหม่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ต้องอบรม ทดสอบข้อเขีบน สอบปฏิบัติ ยื่นใบรับรองแพทย์ เหมือนเดิมทุกอย่าง ส่วนบริการต่อใบขับบอกออนไลน์นั้น เนื่องจากตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาไม่มีใบขับขี่ตลอดชีพแล้ว กฎหมายกำหนดให้ใบอนุญาตใบขับขี่ให้มีอายุ 5 ปีเท่านั้น และเมื่อหมดระยะเวลาต้องมาต่ออายุ และกำหนดให้ต้องอบรมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และยื่นใบรับรองแพทย์ ดังนั้น เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และช่วยประชาชนประหยัดเวลา จึงเปิดให้บริการต่อใบขับขี่ออนไลน์” นายจิรุตม์ กล่าว

อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการต่อใบขับขี่ออนไลน์ และลงนามความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงสาธารณสุขในการเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์กับ ซึ่งเมื่อเสร็จเรียบร้อยจะแจ้งให้ประชาชนรับทราบว่าสามารถไปขอใบรับรองแพทย์เพื่อยื่นต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ที่สถาบันการแพทย์หรือโรงพยาบาลไหนได้บ้าง เชื่อว่าต้นปี 2569 จะสามารถดำเนินการได้

นายผยง กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกระทรวงคมนาคม และธนาคารกรุงไทย ในการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมายกระดับบริการขนส่งดิจิทัลต่อยอดจากบริการขอใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศแบบออนไลน์ผ่าน Klub Road ที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 40% ภายในไม่ถึงปี สะท้อนถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อบริการดิจิทัลของรัฐ โดยมีการวางระบบ ซึ่งจะรองรับการขยายไปสู่บริการต่ออายุใบขับขี่แบบออนไลน์ เชื่อมต่อระบบตรวจสุขภาพดิจิทัลในระบบนิเวศด้านสุขภาพ รวมถึงต่อยอดถึงบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ. ประกันภัย และการตรวจสอบคะแนนความประพฤติในการขับขี่แบบครบวงจรในแอปฯเป๋าตัง และเดินหน้าพัฒนาระบบบนิเวศการขนส่งมวลชนผ่านระบบตัวร่วม M-Flow, M-Pass และกด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการขนส่งที่สะดวกและทั่วถึง