![]()
“พิพัฒน์” เดินหน้าลดค่าครองชีพประชาชน ผุด “บัตรเหมาจ่ายรายวัน” รถไฟฟ้าสายสีแดง–ม่วง 40บาทต่อวัน เริ่มใช้ 1 ธ.ค. 68 ถึง 30 พ.ย. 69 เชื่อมระบบตั๋วร่วมสู่ค่าโดยสารเดียวทั้งระบบ ช่วยสนับสนุนผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้น
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก คุ้มค่า และต่อเนื่องภายใต้นโยบาย “ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน” ของรัฐบาล

โดยกระทรวงคมนาคมพร้อมเปิดใช้ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สำหรับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วง ด้วยระบบ EMV Contactless / MRT EMV / Mangmoom EMV ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 – 30 พฤศจิกายน 2569 เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน สำหรับบุคคทั่วไปเดินทางไม่จำกัดเที่ยวในวันเดียวเพียง 40 บาท/วัน, นักเรียน–นักศึกษา จ่ายเพียง 30 บาท/วัน, ผู้สูงอายุ ครึ่งราคา / ผู้พิการและเด็ก ฟรี, ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้วงเงินในบัตร 750 บาท/เดือนได้ตามสิทธิ ทั้งนี้บัตรเหมาจ่ายดังกล่าวจะเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองสายได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ผู้โดยสารที่ต้องเดินทางหลายเที่ยวต่อวันสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนและคุ้มค่ามากขึ้น
อย่างไรก็ตามนอกจากช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนแล้ว มาตรการนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ระบบรางมากขึ้น ลดปัญหารถติด และลดมลพิษในเมืองใหญ่โดยเป็นแนวทางที่ปรับปรุงเพิ่มเติมของนโยบาย “20 บาทตลอดสาย” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนตลอดสองปีที่ผ่านมา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐ รัฐอุดหนุนงบประมาณเฉพาะกลุ่ม และสร้างแรงจูงใจในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม หรือ “Single Ownership” โดยมอบหมายให้ รฟม. เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารนโยบาย ค่าโดยสาร และระบบตั๋วร่วมของประเทศ เพื่อให้ทุกโครงการรถไฟฟ้าอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกันอย่างมีเอกภาพ



นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการบริการจัดการระบบตั๋วร่วม (Common Ticket Act) ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนประกาศใช้ ซึ่งเมื่อมีผลบังคับแล้วจะเป็น “โครงสร้างหลัก” ของระบบค่าโดยสารร่วม (Common Fare) และการเดินทางแบบไร้รอยต่อในอนาคตซึ่งสิ่งที่เรากำลังทำ ไม่ได้เป็นเพียงการลดค่าครองชีพในวันนี้ แต่คือการสร้างระบบขนส่งที่ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงได้จริง เดินทางได้ในราคาที่เหมาะสมและเชื่อมต่อกันทั้งระบบ การมีบัตรเหมาจ่ายรายวันและตั๋วร่วมจะทำให้การเดินทางของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหนึ่งเดียว สะดวกและคุ้มค่ากว่าเดิม
ทั้งนี้ขอย้ำว่ากระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนทุกมาตรการเพื่อลดภาระประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติของ ค่าโดยสาร–บริการ–คุณภาพชีวิต โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบรางกับระบบขนส่งอื่น (Feeder) เพื่อให้ทุกการเดินทางของคนไทย “สะดวกตรงเวลา ปลอดภัย และราคาเหมาะสม”