ผู้ชมทั้งหมด 56
รฟท.เฮ! ครม. ไฟเขียวจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า 946 คัน มูลค่ากว่า 2.4 พันล้าน เสริมแกร่งบริการขนส่งสินค้า คาดเริ่มเปิดประมูลเดือน พ.ค. 69 ขณะที่การจัดซื้อรถโดยสารอีก 3 ล๊อตยังติดที่สภาพัฒน์ฯ เร่งให้รฟท.ทบทวน และชี้แจงเร็วที่สุด คาดว่าใช้เวลา 3-4 เดือนนำเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติได้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) (วันที่ 5 สิงหาคม 2568) มีมติเห็นชอบโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (แคร่) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 946 คัน วงเงิน 2,459.97 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เพื่อนำมาทดแทนของเก่าที่มีสภาพชำรุดและใช้งานมานาน หลังจากนี้ รฟท. ต้องไปดำเนินการประกวดราคาจัดหาต่อไป
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำรับการจัดซื้อรถโดยสารของ รฟท. อีก 3 โครงการนั้น ประกอบด้วย โครงการจัดซื้อรถโดยสาร 184 คัน วงเงิน 24,150 ล้านบาท โครงการจัดซื้อหัวรถจักรดีเซลฟ้า จำนวน 113 คัน วงเงิน 23,000 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อรถโดยสารเชิงพาณิชย์ 182 คัน วงเงิน 10,500 ล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.และเสนอเรื่องให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ ฯ) สำนักงานประมาณ และกระทรวงการคลัง ให้ความเห็นนั้นยังไม่ผ่านการพิจารณา และถูกตีกลับมาหลายครั้ง ซึ่งเหตุผลการการไม่ผ่านมาพิจารณาส่วนนหึ่งมาจากข้อสังเกตว่าคุ้มทุนหรือไม่ ดังนั้นตนจึงให้นำเรื่องกลับมาที่กระทรวงคมนาคม และจะหารือกับผู้ว่า รฟท.ให้ดำเนินการอย่างเร็วที่สุดในการทบทวนดูให้รอบด้านว่าจะสามารถแก้ไขปรับปรุงอะไรได้บ้าง ก่อนนำเสนอให้ทั้ง 3 หน่วยงานให้ความเห็นอีกครั้ง
“ที่ผ่านมาการพิจารณาโครงการดังกล่าวมีการจัดส่งเอกสารกลับไปกลับมาหลายครั้งและยังไม่ผ่านความเห็นชอบ ดังนั้น รฟท.จึงจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนอย่างละเอียด และครั้งนี้จะขอให้เจ้าหน้าที่สภาพัฒน์ฯมานั่งคุยกัน เพื่อที่จะได้ชี้แจงได้ตรงประเด็น และเชื่อว่าถ้าสามารถชี้แจงถึงผลประโยชน์ได้ก็น่าจะผ่านการพิจารณา หวังว่าจะใช้เวลาประมาณ 3.4 เดือนก็น่าจะแล้วเสร็จสามารถนำเสนอที่ประชุมครม.พิจารณาอนุมัติได้” นายสุริยะ กล่าว

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า จำนวน 946 คันนั้นกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบขึ้นภายในประเทศ เพื่อนำมาทดแทนแคร่บรรทุกสินค้าเก่าที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน และเพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ 2569 และแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ 2569
การจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพของระบบรางในการรองรับสินค้าน้ำหนักมาก อาทิ เกลืออุตสาหกรรม ปุ๋ย เม็ดพลาสติก และน้ำตาล ที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรถโบกี้รุ่นใหม่นี้จะเป็นขนาดพิกัดบรรทุก 62 ตัน รองรับได้ 2 ตู้ต่อคัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ภาคอุตสาหกรรมให้ความนิยมอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าใช้งานอยู่รวมทั้งสิ้น 1,062 คัน แบ่งเป็น ขนาดพิกัดบรรทุก 39 ตัน จำนวน 146 คัน ขนาดพิกัดบรรทุก 45–50 ตัน จำนวน 608 คัน และขนาดพิกัดบรรทุก 62 ตัน จำนวน 308 คัน ซึ่งการจัดหารถเพิ่มเติมอีก 946 คัน จะช่วยขยายตลาดขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านตันต่อปี หากจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าได้ตามเป้าหมาย จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งได้มากกว่า 9 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากแหล่งผลิตไปยังศูนย์ขนส่งทางราง เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง (SRTO:Single Rail Transfer Operator) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก


โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่ราง (Shift Mode) เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากได้รับความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว การรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 และเปิดประกวดราคาได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2569 จากนั้นจะเร่งพิจารณาผลการประกวดราคา และลงนามในสัญญาให้ได้ภายในเดือนกันยายน 2569 โดยตั้งเป้าเริ่มประกอบรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าล็อตแรกได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2570
สำหรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ จะดำเนินการในรูปแบบการส่งมอบเป็น 5 ล็อต ตามแผน ล็อต 1 จำนวน 154 คัน คาดว่าจะเริ่มทดลองวิ่งได้ในเดือนตุลาคม 2570 มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางไอซีดี – แหลมฉบัง ช่วงเดือนมกราคม 2571 ล็อต 2 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย – แหลมฉบัง 132 คัน และอรัญประเทศ – แหลมฉบัง 33 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือนมกราคม 2572 ล็อต 3 จำนวน 198 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางเชียงของ – แหลมฉบัง 99 คัน และนครพนม – แหลมฉบัง 99 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือนมกราคม 2573 ล็อต 4 จำนวน 264 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย – แหลมฉบัง คาดว่าเป็นช่วงเดือนมกราคม 2574 ล็อต 5 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหาดใหญ่ – แหลมฉบัง 99 คัน และอุบลราชธานี – แหลมฉบัง 66 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือนมกราคม 2575