ทช. ก้าวสู่ปีที่ 24 รับงบ 5.3 หมื่นล้าน ขยายโครงข่ายถนน “พิพัฒน์” เร่ง 4 เดือน ต้องเบิกจ่ายงบกว่า 50%

Loading

พิพัฒน์” เร่งทช.ตอกเสาเข็มสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา สะพานเชื่อมเกาะลันตา วงเงินรวม 6.5 พันล้าน ลั่น 4 เดือนต้องเบิกจ่ายงบ 5.3 หมื่นล้าน ให้ได้ไม่น้อยกว่า 50% ลุยลงทุนถนน 4 โครงการใหญ่ หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

วันนี้ (9 ตุลาคม 2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมทางหลวงชนบท ครบรอบ 23 ปี พร้อมเปิดนิทรรศการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิศวกรรม ณ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรุงเทพฯ โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นางสาวรัชนีพร ธิติทรัพย์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และนายปิยพงษ์  จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง นายพิชิต หุ่นศิริ  รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท รักษาราชการแทนอธิบดี ทช. ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ทช. ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีภารกิจสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศให้เชื่อมโยงกันทุกมิติ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ เพื่อให้ “การเดินทางของประชาชนสะดวก ปลอดภัย และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ” โดยเฉพาะ ทช. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาโครงข่ายถนนสายรองที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองกับชนบทให้ประชาชนทุกพื้นที่เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา ทช. ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ทุกระดับในการพัฒนาถนนให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยสำหรับทุกชีวิตบนท้องถนน ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำหนดแนวทางชัดเจนว่า “ทุกโครงสร้างพื้นฐานต้องตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง” และในช่วง 4 เดือนจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม โดยเริ่มจากการเดินหน้าโครงการสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา (ตำบลเกาะใหญ่ – จองถนน จังหวัดสงขลา – พัทลุง) ระยะทาง 7 กิโลเมตร มูลค่า 4,700 ล้านบาท และโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา (ตำบลเกาะกลาง – เกาะลันตาน้อย จังหวัดกระบี่) มูลค่า 1,800 ล้านบาท รวมมูลค่าการลงทุน 6,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณารายงานด้านเทคนิคโดยธนาคารโลก (World Bank) ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถลงนามเซ็นสัญญากับผู้รับเหมางานก่อสร้างภายในปีนี้ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2571

นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2569 ทช.ได้รับจัดสรรงบ 53,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ตนจะเร่งเบิกจ่าย เพื่อให้สามารถทยอยลงทุนขยายโครงการทางถนน ใน 4 เดือนจะทำการจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าเบิกจ่ายให้ได้ไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 4 เดือน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล

สำหรับในปี 2569 นั้นทาง ทช. มีแผนลงทุนโครงการใหญ่ 4 โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม 2,810 ล้านบาทประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ชม. 3029 แยกทล. 1006 อ.เมืองเชียงใหม่ สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่ 2) เลี่ยงเมืองตันเปา กรอบวงเงิน 720 ล้านบาท 2.โครงการก่อสร้างถนนสายแยก ชม. 3029 แยกทล. 1006 อ.เมืองเชียงใหม่ สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่ 3) เลี่ยงเมืองตันเปา กรอบวงเงิน 780 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างถนน ทล. (กม.ที่ 26) เชื่อมกับทางหลวงชนบท สายฉช.3001 จ.สมุทรปราการ (ตอนที่ 2) ช่วงที่ 1 กรอบวงเงิน 700 ล้านบาท และ4.โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟบนถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กรอบวงเงิน 610 ล้านบาท  

นายพิพัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมตั้งเป้าเร่งยกระดับมาตรฐานถนนในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ สนับสนุนเส้นทางเชื่อมต่อระบบรถไฟทางคู่ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และเส้นทางท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ เพื่อให้การลงทุนด้านคมนาคมตอบสนองชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเดินทาง และความปลอดภัย

นอกจากการขับเคลื่อนโครงการเชิงยุทธศาสตร์แล้ว นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางหลวงชนบทใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสายทางได้รับความเสียหาย 59 สายทาง ขณะนี้ สามารถเปิดสัญจรได้แล้ว 40 สายทาง และอยู่ระหว่างซ่อมแซมอีก 19 สายทาง พร้อมสั่งการให้ ทช. เร่งติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว เปิดทางสัญจรให้ประชาชนโดยเร็ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง ติดตั้งป้ายเตือน และให้ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน พร้อมย้ำว่า “ทุกถนนที่เสียหายต้องซ่อมกลับมาใช้งานได้เต็มรูปแบบโดยเร็วที่สุด” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

ด้าน นายพิชิต หุ่นศิริ รักษาราชการแทนอธิบดี ทช. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทช. ดูแลโครงข่ายถนนทั่วประเทศกว่า 51,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด โดยในปีงบประมาณ 2569 ได้รับงบประมาณกว่า 53,000 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการสำคัญทั้งการก่อสร้างถนน สะพาน และระบบอำนวยความปลอดภัยทางถนน เช่น ถนนเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ถนนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และโครงการทางต่างระดับจุดตัดสำคัญทั่วประเทศ พร้อมย้ำว่า ทช. จะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจภายใต้นโยบาย “ทางหลวงชนบทเพื่อประชาชน” อย่างเต็มกำลังเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในทุกภูมิภาค