ทล.ฟังเสียงเอกชน สร้างมอเตอร์เวย์ M5 ทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน

Loading

ทล.ฟังเสียงเอกชน สร้างมอเตอร์เวย์ M5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน มูลค่ากว่า 4.7 หมื่นล้าน คาดประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมทุนปี 69 ก่อนเปิดให้บริการปี 74

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ นายพงศกร จุลละโพธิ รองอธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผยว่า ทล.ได้ประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) หมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต–บางปะอิน (M5) วงเงินลงทุนรวมระบบบำรุงรักษา47,881ล้านบาท ภายใต้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP Gross Cost) เพื่อประเมินความสนใจและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้าน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกอัครราชทูต ผู้แทนบริษัทเอกชน หอการค้า สถาบันการเงิน และผู้ประกอบการในสาขาที่เกี่ยวข้องกว่า 150 คน เข้าร่วม หลังจากนี้ ทล.จะรวบรวมความคิดเห็นครอบคลุมทุกมิติ และใช้ประกอบการจัดทำเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ก่อนออกประกาศเชิญชวนร่วมลงทุนโครงการอย่างเป็นทางการต่อไป

สำหรับโครงการM5 เป็นโครงการสำคัญภายใต้แผนแม่บททางหลวงพิเศษระหว่างเมือง พ.ศ. 2560–2579 ซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงกรุงเทพมหานครกับจังหวัดปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา รวมถึงเป็นเส้นทางสายหลักสำหรับการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างภาคกลางสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพหลโยธินตอนบนและถนนวิภาวดีรังสิต ส่งเสริมให้การเดินทางและการขนส่งมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษของประเทศไทยให้มีความสมบูรณ์และเชื่อมโยงทุกภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ

นายสุวิชาณ สุระบาล ผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Gross Cost ซึ่งภาครัฐเป็นเจ้าของทรัพย์สินและรายได้ทั้งหมดจากค่าธรรมเนียมผ่านทาง ส่วนเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนจากการให้บริการ (Availability Payment) ตามผลการดำเนินงานจริง โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการรวมไม่เกิน 34 ปี แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 การออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งงานระบบและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาไม่เกิน 4 ปีระยะที่ 2 การดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี นับจากวันเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2569 คัดเลือกเอกชนและลงนามสัญญาภายในปีเดียวกัน และเปิดให้บริการในปี 2574 โดยคาดการณ์ปริมาณการจราจรในปีที่เปอดให้บริการอยู่ที่ 14 ล้านคันต่อปี และเติบโตขึ้นปีละ 2.5% มีการจัดเก็บค่าผ่านทางสำหรับรถ4ล้อ ในอัตราเริ่มต้นที่ 20 บาท -40 บาท ซึ่งทางโครงการจะนำระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) มาใช้ตลอดเส้นทาง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางและลดความแออัดของการจราจรบนถนนพหลโยธินอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปิดให้บริการแล้ว จะยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้เชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ โครงการยังสร้างผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิกว่า 7,928 ล้านบาท และเกิดการขยายตัวของรายได้ในระบบทางเศรษฐกิจโดยรวมกว่า 120,000 ล้านบาท อันเป็นผลจากการลดต้นทุนด้านเวลาเดินทาง ค่าพลังงาน และต้นทุนโลจิสติกส์

โครงการM 5 มีระยะทางรวมประมาณ 29 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร (ทิศทางละ 3 ช่องจราจร) แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงอนุสรณ์สถาน–รังสิต (7 กม.) ปัจจุบันดูแลโดยกรมทางหลวง และช่วงรังสิต – บางปะอิน (22 กม.) ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้ดำเนินก่อสร้างงานโยธา โดยไปสิ้นสุดที่ทางแยกต่างระดับบางปะอิน ตลอดเส้นทางมีจุดขึ้น–ลงและตำแหน่งเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางรวม 7 แห่ง ประกอบด้วย รังสิต 1, รังสิต 2, คลองหลวง, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นวนคร, วไลยอลงกรณ์ และประตูน้ำพระอินทร์ พร้อมจุดพักรถ (Rest Stop) บริเวณตำแหน่งเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางรังสิต 1 ขาเข้า ซึ่งออกแบบให้มีพื้นที่จอดรถ ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการแก่ผู้ใช้ทาง

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าโครงการได้ที่ www.doh.go.th และ www.doh-motorway.com