17 มิ.ย. นี้ AOT ถก “คิง เพาเวอร์” หาแนวทางแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี

ผู้ชมทั้งหมด 103 

17 มิ.ย. นี้! AOT เจรจา “คิง เพาเวอร์” หาแนวทางแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี 3 ฉบับ 5 สนามบิน เร่งจ้างที่ปรึกษา ตั้งคณะกรรมการ พิจารณาให้ได้ข้อสรุปภายใน 60 วัน 

น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.)เปิดเผยว่า ภายหลังจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ได้มีหนังสือถึง AOT เรื่อง สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร จำนวน 3 ฉบับ 5 ท่าอากาศยาน ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ นั้นล่าสุดวันนี้ (16 มิ.ย.68) ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 8/2568 มีมติเห็นชอบให้ AOT เร่งรัดให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการ จำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และจ้างที่ปรึกษา จากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 2 สถาบัน เพื่อศึกษาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอด อากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยเร็ว โดยที่ปรึกษาจะศึกษาประเด็นด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ การเงิน และการบริหารธุรกิจ เพื่อวิเคราะห์ข้อจำกัดของสัญญาเดิม รวมถึงเสนอแนวทาง ที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย 

ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่า จะเริ่มจ้างที่ปรึกษาได้ภายใน 2 สัปดาห์ และได้กำหนดให้ที่ปรึกษาหาข้อสรุปให้ได้ภายใน 60 วัน หรือ ประมาณเดือนสิงหาคม 2568 ก่อนเสนอต่อคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม AOT จะมีการหารือร่วมกับ KPD ในวันที่ 17 มิ.ย.68 เพื่อหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมในการแก้ไขสัญญาการประกอบกิจการ จำหน่ายสินค้าปลอดอากร ระหว่าง AOT กับคิง เพาเวอร์ฯ และเพื่อให้เข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงของทั้ง 2 ฝ่าย

ส่วนค่าตอบแทนที่ KPD ค้างชำระอยู่นั้นยังไม่เกินวงเงินค้ำประกัน (Bank Guarantee) ที่ KPD วางไว้เป็นหลักประกันตามหลักเกณฑ์ในสัญญา ซึ่งถือเป็นหลักประกันทางการเงินของคู่สัญญาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด ขณะเดียวกันในช่วงที่อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางแก้สัญญาดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ยังคงต้องจ่ายผลตอบแทนตามสัญญาเดิมในรูปแบบ Minimum Guarantee ในอัตรา 20% ของรายได้และค่าตอบแทน

น.ส.ปวีณา กล่าวว่า ปัจจุบัน AOT มีรายได้จาก คิง เพาเวอร์ฯ คิดเป็น 17% ของรายได้รวมของ AOT และขอยืนยันว่าบริษัทฯ ยังมีสถานะทางการเงินมั่นคงแข็งแรงและยังมีแผนหารายได้เพิ่ม จากแหล่งอื่นๆ เช่น รายได้จากค่าใช้บริการระบบไฟฟ้า 400 Hz ระบบปรับอากาศ PC AIR โครงการผู้ให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่ 3 และการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์โดยรอบท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่งของ AOT ที่จะก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) ซึ่ง AOT ยืนยันว่ายังคงมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับรองรับโครงการลงทุนในอนาคตและการดำเนินงาน ตามแผนที่วางไว้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร

ส่วนภาพรวมปริมาณผู้โดยสารของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนเมษายน 2568 นั้นมีปริมาณผู้โดยสาร 79.12 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48 ล้านคน ภายในประเทศ 26.8 ล้านคน ปริมาณเที่ยวบิน 4.8 แสนเที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 12.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมในปีนี้ยังไม่มีการปรับเป้าหมายปริมาณผู้โดยสารที่ตั้งเป้าไว้ 129 ล้านคน ซึ่งมั่นใจว่าปริมาณผู้โดยสารของปีนี้จะยังเติบโตตามเป้าหมาย เนื่องจากรัฐบาลมีการกระตุ้นการท่องเที่ยว