“พิพัฒน์” เจรจา กลุ่มซีพี อีอีซี อัยการสูงสุด ยังไร้ข้อยุติไฮสปีดสามสนามบิน

Loading

“พิพัฒน์”เจรจากลุ่มซีพี อีอีซี อัยการสูงสุด ยังไร้ข้อยุติไฮสปีดสามสนามบิน จ่อโยนครม.ชี้ทางออกแก้ไขสัญญาก่อนเดินหน้าต่อ หวั่นเกิดการฟ้องร้องเหตุไม่เป็นธรรมกับเอกชนรายอื่น

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ)หรือ บอร์ดอีอีซี  เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือประเด็นการแก้ไขปัญหาความล่าช้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ร่วมกับ อีอีซี ภาคเอกชนผู้รับสัมปทานโครงการโดย บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด หรือกลุ่มซีพี และที่ปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงคมนาคมโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เพื่อลดปัญหาในการดำเนินงาน และให้โครงการฯ เดินต่อไปได้ว่า จากการหารือภาคเอกชนยืนยันว่าจะขอแก้ไขสัญญา ซึ่งทางอีอีซีไม่ได้ขัดข้อง ขอแค่ให้โครงการเดินหน้าจนสำเร็จให้ได้ ขณะที่ทางอัยการฯก็ไม่ได้ชี้ว่าการแก้ไขสัญญาผิดหรือถูก 

อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงคมนาคมก็ต้องหันกลับมาดูว่าหากจะมีการแก้ไขสัญญาเราจะตอบโจทย์โครงการที่ลงทุนในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) ได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทางภาคเอกชนที่เข้ามายื่นข้อเสนอครั้งแรกก็เข้าใจดี แต่การขอแก้ไขสัญญาโดยการชำระเงินตามเปอร์เซ็นต์งานแบบสร้างไปชำระไปเหมือนกับงวดงานทั่วๆไป นั้นถือว่ายังอยู่ในข่ายของพีพีพีหรือไม่และจะเรียกว่าโครงการพีพีพีได้อย่างไร 

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวแล้งตนจึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขสัญญาแบบสร้างไปชำระไปตามงวดงานตั้งแต่ต้น แต่เมื่อมีความเห็นของทางอัยการฯ เข้ามาก็พยามยามดู แต่ตนก็ไม่ได้เป็นผู้ที่สามารถชี้ขาดได้ว่าจะแก้ไขสัญญาได้หรือไม่ได้ ดังนั้นตนจะเรียกประชุมบอร์ดอีอีซี โดยเร็วที่สุดภายในเดือนพ.ย.นี้ เพื่อสรุปเรื่องที่หารือกันและนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาว่าสามารถแก้ไขสัญญาได้หรือไม่ได้เพราะอะไร ทั้งนี้ก่อนที่ครม.จะพิจารณาคงต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ซึ่งหากสามารถรวบรวมความเห็นได้เร็วก็จะสามารถนำเสนอครม.พิจารณาได้เร็วเช่นกัน

สำหรับเหตุผลการขอแก้ไขสัญญานั้นทางภาคเอกชนชี้แจงว่าเกิดจากหลายๆปัจจัย ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือการเกิดสงครามในหลายๆภูมิภาค แต่ทั้งนี้ทางอัยการฯได้ให้ข้อมูลว่า ข้อหนึ่งในสัญญาระบุว่าเหตุปัจจัยต่างๆไม่ถือเป็นเหตุผ่อนผันที่จะขอแก้ไขสัญญาได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ดังนั้นเรื่องนี้ก็ต้องให้ครม.เป็นผู้พิจารณาตัดสิน หาก ครม.เห็นชอบให้มีการแก้ไขสัญญาก็ถือเป็นความรับผิดชอบโดย ครม.ทั้งหมดไม่ใช่ความรับผิดชอบของตนคนเดียว และเป็นเรื่องที่ครม.ต้องร่วมกันตัดสินใจเพราะไม่ใช่เรื่องของกระทรวงคมนาคมกระทรวงเดียว  ที่สำคัญเจ้าของโครงการก็คืออีอีซี 

ทั้งนี้หาก ครม.เห็นชอบให้มีการแก้ไขสัญญาโครงการนี้จะเป็นตัวอย่างให้กับโครงการอื่นๆที่กำลังมีปัญหานำไปสู่การแก้ไขสัญญาหรือไม่นั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ ครม.ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องการฟ้องร้อง ซึ่งตนพูดประเด็นในที่ประชุมว่าไม่รู้ว่าผู้ที่ยื่นข้อเสนอรายที่ 2 คือ บีทีเอส จะมาฟ้องเราหรือไม่ เพราะหากสามารถแก้ไขสัญญาได้เอกชนรายอื่นก็อาจให้ข้อเสนอที่ดีกว่าผู้ที่ชนะได้ ถือว่าเป็นปัญหาอยู่ แต่หากครม.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขสัญญาก็ต้องเชิญภาคเอกชนผู้รับสัมปทานมาหารืออีกครั้งว่าจะเดินหน้าโครงการอย่างไร

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าการประชุมในครั้งนี้จะยังไม่มีข้อสรุป แต่ก็มีจุดหมายปลายทางขั้นต่อไปว่าโครงการนี้ที่จะเดินไปอย่างไร ส่วนแนวคิดที่ตนอยากให้มีการก่อสร้างไฮสปีดสามสนามบินไปถึงจังหวัดตราดนั้น ทางภาคเอกชนยังไม่ได้มีความเห็นในเรื่องนี้ แต่เป็นสิ่งที่ตนโยนโจทย์ไปให้ หากเอกชนมองว่าการดำเนินการโครงการต่อไปไม่คุ้มกับการลงทุน แนวทางนี้ถือเป็นออฟชั่นเพิ่ม หรือเป็นสัญญาพ่วงให้ หรือแถมให้ เพื่อดึงคนมาใช้ไฮสปีดมากขึ้น และสร้างจูงใจให้คนบินมาลงอู่ตะเภา เพราะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวจังหวัดอื่นๆได้ ซึ่งหากภาคเอกชนต้องไปลงทุนเอง หากเอกชนรับข้อเสนอนี้ตนคงต้องนำเรื่องหารือในที่ประชุมครม.เพื่อเห็นชอบต่อไป