ผู้ชมทั้งหมด 376
มติ กบน. ลดเก็บเงิน “ดีเซล” เข้ากองทุนน้ำมันฯ ลง 50 สตางค์ต่อลิตร เหลืออยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทรงตัวระดับต่ำ ขณะที่ สถานะกองทุนฯ ติดลบลดลง อยู่ที่ 38,083 ล้านบาท
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุด ณ วันที่ 8 มิ.ย. 2568 ติดลบลดลง เหลืออยู่ที่ 38,083 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน สถานะเป็นบวกเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 6,541 ล้านบาท และ บัญชี LPG ติดลบ อยู่ที่ 44,624 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สถานะกองทุนน้ำมันฯ ที่เริ่มมีรายรับมากขึ้นประมาณ 9,409 ล้านบาทต่อเดือน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังทรงตัวระดับต่ำ ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ตัดสินใจปรับลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลลง
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า การประชุม กบน. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 มีมติปรับลดการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลง 50 สตางค์ต่อลิตร เหลือจัดเก็บ 2.40 บาทต่อลิตร จากเดิมที่จัดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลและดีเซล B20 อยู่ 2.90 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเกรดพรีเมียม เหลือจัดเก็บ 3.90 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ 4.40 บาทต่อลิตร โดยมติดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกดีเซล ยังคงเดิมอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร
ขณะที่กลุ่มน้ำมันเบนซิน คงอัตราจัดเก็บตามเดิม โดยเบนซินออกเทน 95 จัดเก็บ 9.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เก็บ 1.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เก็บ 3.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เก็บ 3 บาทต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป
ด้านสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยข้อมูลค่าการตลาดน้ำมัน ล่าสุด ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ น้ำมันเบนซินออกเทน 95 มีค่าการตลาด อยู่ที่ 3.23 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดอยู่ที่ 3.12 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 3.18 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.16 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.35 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.79 บาทต่อลิตร โดยมีค่าการตลาดเฉลี่ย ระหว่าง 1-11 มิ.ย. 2568 อยู่ที่ 2.32 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสม 1.5-2 บาทต่อลิตร)
