รฟม. ถอดโมเดล TOD ญี่ปุ่น ต่อยอดพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ นำร่องปี 69 พื้นที่ห้วยขวาง – พระราม 9

Loading

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นำทีมโดย นายพัฒนพงษ์ พงศ์ศุภสมิทธิ์ รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นำคณะสื่อมวลชนสายคมนาคม เดินทางเยี่ยมชมการดำเนินงานของ Urban Renaissance Agency (UR) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีของระบบขนส่งมวลชน (TOD) โดยการพัฒนาและจัดการเมืองหรือพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชนให้เกิดความกระชับ ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบผสมผสาน (Mixed-Use) ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย ร้านค้า แหล่งพาณิชยกรรม ระบบบริการของเมือง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

Mr. MORITANI Koichiro Associate Vice President for Global Affairs, UR ระบุว่า โครงการชินากาวะ (Shinagawa Project) เป็นการพัฒนาพื้นที่เมืองใหม่ตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมีพื้นที่ตั้งแต่สถานีชินากาวะ (Shinagawa Station) ยาวไปถึงสถานีทาคานาวะ เกตเวย์ (Takanawa Gateway Station) ซึ่งการพัฒนาพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าโครงการชินากาวะ ขนาด 30 เฮกตาร์ หรือประมาณ 187.5 ไร่ คาดว่าใช้วงเงินลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท ถูกออกแบบโดย Kengo Kuma สถาปนิกชื่อดังระดับโลก ภายใต้คอนเซปต์ “Smart City” เต็มรูปแบบ เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าให้เป็น “Global Gateway”

โดยการพัฒนาพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์แบบ Mixed-Use มีทั้งพื้นที่การจอดสำหรับรถยนต์ รถบัส เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกสะบาย ทั้งทางรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen)  รถไฟฟ้า รถโดยสาร เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเดินทาง (Hub) ขณะเดียวในพื้นที่โครงการก็มีการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน มีซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับนำเอาหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย หุ่นยนต์ทำความสะอาด ระบบ AI นำทาง และร้านค้าไร้คนสัมผัสมาให้บริการด้วย

Mr. MORITANI กล่าวว่า ธุรกิจหลักของ UR นั้นมีการดำเนินงานอยู่ 4 ด้านด้วยกัน คือ 1.การฟื้นฟูเมือง 2.การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับชุมชน 3.การช่วยเหลือพัฒนาเมืองหลังเกิดภัยพิบัติ 4.การลงทุนกิจกรรมระดับโลก สำหรับศักยภาพการลงทุน TOD ในประเทศไทยนั้นจะมีศักยภาพทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคนไทย ยกตัวอย่างไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่นเวลาออกเดินทางไปทำงาน หรือไปโรงเรียน มหาวิทยาลัยเขาก็จะใช้บริการเส้นทางรถไฟฟ้า รถบัส ซึ่งหากไทยมีความต้องการสร้างโลกสีเขียว ลดภาวะโลกร้อนก็ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตการเดินทางโดยหันมาใช้บริการรถไฟฟ้า รถโดยสารให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน UR ก็มีความสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีโครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามากขึ้น และมีการขยายการลงทุนอีกหลายเส้นทาง โดยในประเทศไทยนั้นมีสำนักงานอยู่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นอกจากนั้นยังมีสำนักงานที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และซิดนีย์ ประเทศออสเตร ในขณะที่ญี่ปุ่นมีสำนักงานอยู่ที่โตเกียว 2 แห่ง และในโยโกฮาม่า 1 แห่ง

นายพัฒนพงษ์ พงศ์ศุภสมิทธิ์ รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นแม่แบบการพัฒนาระบบ TOD ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก ซึ่งจะนำเอาไปประยุกต์ใช้กับบริบทของประเทศไทยอย่างไรก็ต้องมาดูความเหมาะสมอีกที่ แต่ความน่าสนใจของโครงการชินากาวะ คือ การลงทุนในโครงนี้ไม่ต้องเวนคืนที่ดิน แต่เป็นการเลือกใช้พื้นที่เดิมที่เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟย่านทามาชิ (Tamachi Depot) ดังนั้นที่ดินที่ห้วยขวางของ รฟม. ที่เป็นศูนย์ซ่อมรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็สามารถนำเอาโมเดลของโครงการโครงการชินากาวะมาต่อยอดพัฒนาให้เป็นย่านธุรกิจได้โดยไม่ต้องย้ายศูนย์ซ่อม

อย่างไรก็ตามสำหรับการพื้นที่เชิงพาณิชย์ของรฟม. นั้นการเตรียมแผนแม่บทมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งจะเริ่มนำร่องในการพัฒนาในพื้นที่ห้วยขวาง -ริมถนนพระราม9 โดยจะลงทุนพัฒนาด้านสาธารณสุขหรือเกี่ยวกับสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพมีทิศทางการเติบโตที่ดีในอนาคต การลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพในพื้นที่ห้วยขวาง ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวก สบาย เพราะสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และก็สายสีส้ม ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่รฟม.ศึกษาไว้เตรียมนำเสนอบอร์ด รฟม.ในเดือนธันวาคม 2568 แล้วเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป คาดว่าจะเริ่มดำเนินการโครงการได้ต้นปี 2569

“ห้วยขวางเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพเพราะเป็นพื้นที่ในเมือง และการพัฒนาก็มีความเป็นไปได้มาก เรามีการแบ่งไว้แล้วว่าในพื้นที่ห้วยขวางจะมีการลงทุนพัฒนาอย่างไร หรือจะลงทุนอะไรได้บ้าง เช่น พื้นที่ด้านริมถนนพระราม 9 อาจจะเป็นเรื่องเชิงพาณิชย์ เข้ามาด้านในพื้นที่ก็อาจจะเป็นศูนย์ประชุม ต้องบอกว่าพื้นที่ห้วยขวางเรามีสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มอยู่ในพื้นที่รฟม. ที่ติดถนน ต่อไปในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีส้มก็จะไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน แล้วพื้นที่ก็สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่ต่างๆ จริงๆ แนวคิดการพัฒนาพื้นที่ห้วยขวางเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์นั้นเรามีแนวคิดอยากจะทำมากว่า 10 ปีแล้ว แต่มีข้อจำกัดของกฎหมายเลยทำได้ยาก แต่ปัจจุบันในแง่ของกฎหมายมีช่องทางมากขึ้นที่สามารถจะลงทุนได้ กฎหมายปัจจุบันที่บอกว่าเอื้อยประโยชน์ทั้งรฟม. และประชาชน โครงการแรกที่นำร่องมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ซึ่งต้องนำเสนอครม. เพราะร.พ.บ.ให้กำหนดว่าการลงทุนของรฟม.ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปต้องเสนอครม.” นายพัฒนพงษ์ กล่าว

นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าแล้ว การลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์หากสามารถพัฒนาได้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมรายได้ให้กับรฟม. ซึ่งจะเป็นรายได้ให้ประเทศให้รัฐบาลเป็นแหล่งเงินช่วยสนับสนุนชดเชยหรืออุดหนุนค่ารถไฟฟ้าให้กับประชาชนได้ และช่วยให้รฟม. เติบโตขึ้นได้อย่างยั่งยืนในอนาคต