ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้คาดปรับขึ้นจากความตึงเครียดในยุโรปตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว 

Loading

ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ คาดปรับเพิ่มจากความตึงเครียดในยุโรปตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว คาดเวสต์เท็กซัส คลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 26 ก.ย. – 2 ต.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรปตะวันออกหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ปิดกั้นโอกาสตอบโต้รัสเซียหากมีการคุกคาม ขณะที่ตัวเลขจีดีพีปีนี้ คาดการณ์ว่าจะเติบโตสูงกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อนหน้านี้ ในขณะที่นโยบายการปรับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปียังไม่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม อิรักยังคงไม่สามารถส่งออกน้ำมันผ่านท่อจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานไปยังตุรกีได้เนื่องจากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการชำระหนี้สินคงค้าง ขณะที่จีนน้ำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย

· ตลาดจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรปตะวันออกเนื่องจากผู้นำโปแลนด์แสดงท่าทีแข็งกร้าวที่จะมีมาตรการตอบโต้ที่ชัดเจนหากรัสเซียเข้ามารุกล้ำน่านฟ้า ท่าทีดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวว่าชาติในกลุ่มองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ (NATO) สามารถที่จะตอบโต้ต่ออากาศยานของรัสเซียได้ทันที 

· เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากองค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์การเติบโตของจีดีพีโลกในปี 68 อยู่ที่เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นจากคาดการณ์เดือน มิ.ย. 68 ที่เติบโต 2.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับปี 67 ที่เติบโต 3.3% และคาดการณ์ในปี 2569 เติบโตที่ 2.9% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว จากผลกระทบของภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตของการค้าโลก ขณะที่ตลาดจับตานโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. นาย Jerome Powell กล่าวสุนทรพจน์ว่า Fed จำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ที่ยังค่อนข้างสูง และตลาดแรงงานที่ยังคงอ่อนแอ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้แนวทางนโยบายที่เร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

· อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดิบอิรักยังคงมีความไม่แน่นอนสูงเนื่องจากการตกลงเพื่อส่งออกน้ำมันผ่านท่อจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานของอิรักไปยังตุรกียังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากบริษัทน้ำมัน DNO ของนอร์เวย์ และ Genel Energy ร้องขอหนังสือค้ำประกันการชำระหนี้ กับรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่นเคอร์ดิสถานของอิรัก ทั้งนี้เมื่อ วันที่ 23 ก.ย. 68 คณะรัฐมนตรีอิรักมีกำหนดพิจารณาอนุมัติข้อตกลงเกี่ยวกับการชำระหนี้สินคงค้างกับบริษัท DNO ของนอร์เวย์ ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ในเคอร์ดิสถาน ที่มียอดค้างชำระเงินสะสม มูลค่าราว 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้หากตกลงกันได้จะนำไปสู่การกลับมาส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 0.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเคอร์ดิสถานผ่านตุรกีสู่ตลาดโลก ขณะที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติของอิรัก (SOMO) ประเมินว่าอิรักจะส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. 68 เพิ่มขึ้น 0.2-0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 3.4-3.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากสมาชิก OPEC+ จำนวน 8 ประเทศซึ่งรวมถึงอิรัก มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. 68 เพื่อชดเชยในส่วนอาสาลดการผลิตโดยสมัครใจ โดยอิรักได้รับโควตาผลิตน้ำมันดิบในเดือน ต.ค. 68 เพิ่มขึ้น 0.02 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 4.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน

· ความต้องการใช้น้ำมันดิบรัสเซียในจีนมีแนวโน้มปรับลดลงเนื่องจากหน่วยงานศุลกากรของจีน (GAC) รายงานจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือน ส.ค. 68 ลดลง 8.8% เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 1.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน หลังโรงกลั่นรัฐวิสาหกิจ และเอกชนขนาดใหญ่ชะลอการจัดซื้อน้ำมันดิบรัสเซีย

· ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดขายบ้านเดือน ส.ค. 68 ดัชนีราคาบ้าน เดือน ก.ค. 68 อัตราการจ้างงาน เดือน ส.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เดือน ก.ย. 68 และอัตราการว่างงาน เดือน ก.ย. 68 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน ส.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เดือน ก.ย. 68 อัตราการว่างงาน เดือน ส.ค. 68 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ย. 68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เดือน ก.ย. 68 

ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 64-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Screenshot

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 19 – 25 ก.ย. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 63.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 67.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียผ่านทางทะเลอยู่ที่ระดับ 3.62  ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 16 เดือน ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าผลกระทบของการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซียยังคงกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบของรัสเซียอย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยชาติตะวันตกหลายชาติได้ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้อิสราเอลแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง นอกจากนี้ เครื่องบินรบของรัสเซียได้บินเข้าสู่น่านฟ้าของเอสโตเนียซึ่งเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกนาโต้โดยไม่ได้รับอนุญาต ท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งในยูเครนอาจลุกลามมาสู่ประเทศยุโรปเพื่อนบ้าน สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขนํ้ามันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.ย. 68 ปรับลดลง 0.61 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 414.8 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.24  ล้านบาร์เรล