ราคาน้ำดิบสัปดาห์นี้อาจย่อตัวลง หลังกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง 

Loading

ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มย่อตัวลง หลังกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง คาดเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 56-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 7 – 14 พ.ย. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงเนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากกลุ่ม OPEC+ ที่ได้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ธ.ค. 68 ขณะที่สหรัฐฯ ยังอยู่ในสภาวะ Government Shutdown อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่ายาวนานที่สุดตั้งแต่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา และตัวเลขการเติบโตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 อย่างไรก็ตาม ความไม่สงบระหว่างรัสเซียยูเครนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง สร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบโลกที่อาจตึงตัวมากขึ้น

xr:d:DAE6R1feDlQ:11,j:34224426537,t:22090107

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย

· อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC ในเดือน ต.ค. 68 เพิ่มขึ้น 0.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 28.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากประเทศซาอุดีอาระเบียและอิรัก ทั้งนี้ กลุ่ม OPEC+ 8 ประเทศซึ่งมีซาอุดีอาระเบียและอิรักรวมอยู่ด้วย มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ธ.ค. 68 ปริมาณ 0.137 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มสะสมตั้งแต่เดือน เม.ย. 68 จนถึงเดือน ธ.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณอุปทานน้ำมันมากกว่าอุปสงค์ในปี 2569 อยู่ที่ระดับ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้กลุ่ม OPEC+ ตัดสินใจจะไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในไตรมาส 1/69   เพื่อไม่ให้ตลาดน้ำมันดิบอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาดจนเกินไป 

· ความไม่สงบทางการเมืองของสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังจากสหรัฐฯ อยู่ในสภาวะ Government Shutdown ตั้งแต่ 1 ต.ค. 68 ซึ่งยาวนานที่สุดที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวันที่ 22 ธ.ค. 61 ถึงวันที่ 25 ม.ค. 62 จากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรค Democrat และพรรค Republican ในการผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2569 ทั้งนี้ สำนัก งานงบประมาณสหรัฐฯ ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงGovernment Shutdown ราว 0.7-1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

· เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอ่อนแอ หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน ต.ค. 68 ลดลง 0.4 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 48.7 จุด โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 49.5 จุด และอยู่ในระดับที่หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 อย่างไรก็ตาม ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหภาพยุโรป เดือน ต.ค. 68 เพิ่มขึ้น 0.2 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 50.0 จุด ทั้งนี้ ดัชนีสูงกว่า 50 จุดบ่งชี้ภาวะขยายตัว 

· ตลาดยังคงกังวลความไม่สงบระหว่างรัสเซียยูเครนที่ยังไม่มีท่าทีที่จะสิ้นสุด หลังล่าสุดยูเครนได้ใช้โดรนเพื่อโจมตีเมืองตูอัปเซของรัสเซียส่งผลให้เรือขนส่งน้ำมันอย่างน้อยหนึ่งลำได้รับความเสียหาย ซึ่งเมืองนี้เป็นเมื่องท่าสำคัญในการส่งออกน้ำมันหลักของรัสเซียในทะเลดำ 

· ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ต.ค. 68 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. 68 อัตราการจ้างงานไตรมาส 3/68 ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ อัตราการว่างงาน เดือน ต.ค. 68 ยอดขายปลีก เดือน ต.ค. 68 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ต.ค. 68

ทั้งนี้ ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 56-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Screenshot

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 24 – 30 ต.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 60.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 64.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังล่าสุดได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้น ทำให้อัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนโดยเฉลี่ยลดลงจากระดับ 57% มาอยู่ที่ระดับ 47% 

ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตจีนของสหรัฐฯ นาย Xie Feng กล่าวเตือนสหรัฐฯ ให้หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหวของจีน เช่น ประเด็นทางการเมืองกับไต้หวัน ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในจีน รวมถึงระบอบการเมืองการปกครองของจีน เพื่อให้ข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันยังคงมีผลอยู่ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค. 68 เพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 421.2 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 603,000 บาร์เรล