![]()
ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ผันผวน จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอล่า ท่ามกลางการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่าวันที่ 19 – 25 ธ.ค. 2568 พบว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลาที่ทวีความรุนแรงเนื่องจากสหรัฐฯ ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรและปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมัน ส่งผลให้น้ำมันดิบหลายล้านบาร์เรลค้างอยู่บนเรือและสร้างความกังวลต่ออุปทานโลก ขณะที่จีนออกมาประณามการกระทำของสหรัฐฯ ทำให้เพิ่มแรงกดดันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ แม้สหรัฐฯ จะพยายามผลักดันการเจรจาสันติภาพ แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องดินแดนเป็นอุปสรรคหลัก นอกจากนี้ อุปทานจากคาซัคสถานยังเผชิญปัญหาเนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันผ่านท่อ CPC ในเดือนธันวาคมลดลงถึง 33% จากแผนเดิม เหลือเพียง 1.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ขยายตัวสูงถึง 4.3% ต่อปี นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบสองปี ส่งผลให้ตลาดมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมช่วงปลายเดือน ม.ค. 69 ซึ่งจะกดดันราคาน้ำมัน

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
· ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลายังคงตึงเครียด ทำให้การส่งออกน้ำมันดิบเวเนซุเอลาลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากสหรัฐฯ ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรด้วยการปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทุกลำที่อยู่ภายใต้บัญชีคว่ำบาตรไม่ให้เข้าออกน่านน้ำเวเนซุเอลา ทำให้น้ำมันดิบหลายล้านบาร์เรลค้างอยู่บนเรือและยังไม่มีแผนการส่งออกเพิ่มเติม โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่ามีแผนจะนำน้ำมันดิบที่ได้จากเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรมาจำหน่าย หรือเก็บเข้าคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ทั้งนี้ จีนได้ออกแถลงการณ์ประณามการที่สหรัฐฯ เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยระบุว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง พร้อมยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนรัฐบาลเวเนซุเอลาให้ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของตน ขณะที่สหรัฐฯ ได้แจ้งต่อองค์การสหประชาชาติว่าจะดำเนินการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งตัดแหล่งเงินทุนของเครือข่ายที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ขณะเดียวกัน บริษัทรัฐวิสาหกิจ Petróleos de Venezuela (PDVSA) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของประเทศ โดยมี บริษัทเชฟรอน (Chevron) เป็นบริษัทสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียวที่ทำการขุดเจาะในเวเนซุเอลา และจ่ายส่วนแบ่งของผลผลิตให้แก่ PDVSA ภายใต้ข้อยกเว้นการคว่ำบาตร
· การเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงไม่สามารถบรรลุข้อสรุปได้ แม้การหารือจะดำเนินไปในลักษณะเชิงสร้างสรรค์ แต่ยังไม่มีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่ชัดเจน โดยประเด็นอุปสรรคสำคัญยังคงเป็นเงื่อนไขด้านดินแดน ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯ จะพยายามผลักดันให้รัสเซียและยูเครนมาหารือเพื่อยุติสงคราม แต่สถานการณ์ทางทหารในยูเครนยังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของยูเครนในช่วงปลายเดือน ธ.ค. โดยรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนจำนวนมากต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และไฟดับเป็นวงกว้างในหลายภูมิภาค
· ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของคาซัคสถานผ่านท่อส่ง CPC ในเดือน ธ.ค. 68 ปรับลดลง 33% จากแผนเดิมที่คาดการณ์ไว้ จากระดับประมาณ 1.70 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลืออยู่ที่ประมาณ 1.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน โดยสาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและการเลื่อนการดำเนินงานซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี คาดว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบผ่านท่อ CPC ในเดือน ม.ค. 69 อาจฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับประมาณ 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากการซ่อมแซมสามารถดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้
· เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในไตรมาสที่สามด้วยอัตราสูงสุดในรอบสองปี โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสะท้อนมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตภายในประเทศ เพิ่มขึ้นในอัตรา 4.3% ต่อปี สูงกว่าอัตราการขยายตัว 3.8% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การนำเข้าชะลอตัวลง ส่งผลให้ภาคการค้าระหว่างประเทศมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของ GDP นอกจากนี้ การลงทุนของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เริ่มกลับมามีบทบาทสำคัญมากขึ้น แม้ว่าการลงทุนโดยรวมในบางภาคส่วนยังคงชะลอตัว อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ยังคงมองว่ามีประเด็นที่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ระดับเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงสัญญาณการปรับตัวลดลงของความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจในระยะถัดไป
· ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลง จากตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3/68 ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยล่าสุด FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 15.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 3.25 -3.50% ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 27-28 ม.ค. 69 จากเดิมที่ให้น้ำหนัก ที่ระดับ 24.4% ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า
· ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย เดือน ต.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิต เดือน ธ.ค. 68 โดย S&P และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวมของจีน และดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจภาคการผลิต เดือน ธ.ค. 68
ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 – 25 ธ.ค. 2568 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 57.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 61.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบอาจเผชิญความเสี่ยงหลังสหรัฐฯ เข้มงวดกับเวเนซุเอลามากขึ้น รวมทั้งมีแนวโน้มที่เพิ่มความเสี่ยงในการที่จะต้องปิดกำลังการผลิตบางส่วนเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาอุปทานน้ำมันดิบจากรัสเซียที่มีความเสี่ยงมากขึ้น หลังกองกำลังรัสเซียได้ทำการโจมตีท่าเรือโอเดสซาของยูเครน บริเวณริมทะเลดำ ส่งผลให้สิ่งอำนวยความสะดวกในท่าเรือและเรือลำหนึ่งได้รับความเสียหาย ขณะที่โดรนของยูเครนได้ทำการโจมตีเรือสองลำ และท่าเทียบเรือสองแห่งของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 21 ธ.ค. 68 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 66 และมีปริมาณน้ำมันดิบของรัสเซียซึ่งลอยลำอยู่ในทะเลอยู่ที่ระดับ 185 ล้านบาร์เรล