ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ผันผวน หลังFED ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

Loading

ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ผันผวน ท่ามกลางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED และอุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 56-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 12 – 18 ธ.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน เนื่องจาก FED มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% อยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปในอินเดีย และจีนมีแนวโน้มที่จะซื้อน้ำมันดิบจากบริษัทรัสเซียที่ไม่โดนคว่ำบาตรจากสหภาพยุโรป เนื่องจากมีราคาที่ดี อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลางจะปรับเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงความร่วมมือของบริษัท SPC ที่จะฟื้นฟูแหล่งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติซีเรีย ส่งผลให้อุปทานน้ำมันคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น และกดดันตลาดน้ำมันดิบ

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย

  • เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 68 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย
    นโยบายลง 0.25% อยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% อย่างไรก็ดี FED มีแนวโน้มจะชะลอการลดดอกเบี้ย เพื่อรอติดตามข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังประเมินไม่ครบหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการบางส่วน เป็นเวลา 43 วัน ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ
    CME Group ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 77.9% ที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไปใน
    วันที่ 27-28 ม.ค. 69 ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานผลสำรวจตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร (JOLTS) ในเดือน ต.ค. 68 เพิ่มขึ้น 12,000 ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 7.67 ล้านตำแหน่งโดยเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 68
  • เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสำนักสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ย. 68 อยู่ที่ 0.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 67 จากราคาอาหารกลับมาเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภาพรวมยังคงฝืดเคือง สะท้อนจากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน พ.ย. 68 ยังคงติดลบ อยู่ที่ -2.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตาความเคลื่อนไหวของโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปของอินเดียที่ซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย โดยล่าสุดน้ำมันดิบรัสเซียมีราคาต่ำกว่าตลาด ส่งผลให้จูงใจโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปในอินเดียรายใหญ่หลายรายให้กลับมาซื้อ          โดย Bloomberg รายงานว่ารัฐวิสาหกิจน้ำมันของอินเดีย ซื้อน้ำมันดิบรัสเซียจากบริษัทรัสเซียที่ไม่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร
    รวม 10 เที่ยวเรือ และส่งมอบเดือน ม.ค. 69 อย่างไรก็ตาม บริษัทโรงกลั่นเอกชนของอินเดียยังคงสงวนท่าทีหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียทั้งหมดตั้งแต่เดือน พ.ย. 68 ในขณะที่จีนมีแนวโน้มดำเนินการเช่นเดียวกับอินเดียด้วยแรงจูงใจเดียวกัน
    โดย S&P Global เผยรัฐวิสาหกิจโรงกลั่นของจีนกำลังพิจารณากลับมาซื้อน้ำมันดิบรัสเซียหลังมีบริษัทรัสเซียที่ไม่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรเสนอตัวเป็นผู้ขายแทนบริษัทน้ำมันรัสเซีย Rosneft และ Lukoil ที่ถูกคว่ำบาตรไปแล้ว ทั้งนี้ Platts ประเมินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียของชาติตะวันตกเมื่อเดือน ต.ค. 68 กระทบการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียทางทะเลของจีนให้ลดลงประมาณ 0.475 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • อุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลางมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 68 S&P Global รายงานว่ากระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซีเรีย (SPC) เพื่อฟื้นฟูแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของซีเรีย เนื่องจากเผชิญสงครามกลางเมืองจากการประท้วงต่อต้านอดีตประธานาธิบดีซีเรีย นาย Bashar al-Assad เมื่อปี 2554 และสิ้นสุดลงในปี 2567 ทั้งนี้สหรัฐฯ ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัท SPC รวมถึงกระทรวงน้ำมันของซีเรียเมื่อเดือน ก.ค. 68 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดทางให้เกิดการลงทุนและฟื้นฟูแหล่งพลังงานในซีเรีย ทั้งนี้ กำลังการผลิตน้ำมันดิบของซีเรียก่อนปี 2554 เคยอยู่ที่ระดับประมาณ 0.38-0.40 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยลดลงถึงจุดต่ำสุดที่ระดับ 0.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2558 และ ปัจจุบัน ในเดือน พ.ย. 68 ฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 0.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดขายปลีก เดือน ต.ค. 68 ดัชนีราคาส่งออก เดือน ต.ค. 68 ดัชนีราคานำเข้า เดือน ต.ค. 68 อัตราการว่างงาน เดือน พ.ย. 68 ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน พ.ย. 68 และจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน เดือน พ.ย. 68 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ อัตราการว่างงาน เดือน พ.ย. 68 ยอดขายปลีก เดือน พ.ย. 68 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. 68 ดัชนีราคาบ้าน เดือน พ.ย. 68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ต.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม เดือน ธ.ค. 68 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ เดือน ธ.ค. 68 ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน พ.ย. 68 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค. 68

ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 56-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค. – 11 ธ.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 58.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 62.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากยูเครนเตรียมเสนอร่างแผนสันติภาพฉบับแก้ไขให้แก่สหรัฐฯ โดยล่าสุดประธานาธิบดียูเครน นาย Volodymyr Zelenskiy ได้หารือกับผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหภาพยุโรป พร้อมย้ำว่ายูเครนจะไม่ยอมสละดินแดนให้แก่รัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Donald Trump กล่าวว่ารู้สึกผิดหวังกับท่าทีของนาย Zelenskiy ที่ยังไม่ตอบรับแผนสันติภาพ ทั้งที่รัสเซียเห็นชอบโดยหลักการกับร่างดังกล่าวแล้ว ในขณะที่แหล่งน้ำมัน West Qurna-2 ของอิรักกลับมาดำเนินการ หลังหยุดดำเนินการชั่วคราวเนื่องจากมีรอยรั่วท่อส่งออกโดย คาดว่าจะกระทบต่ออุปทานประมาณ 0.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 5 ธ.ค. 68 ปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 425.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล