ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ผันผวน เหตุตลาดจับตาความขัดแย้ง “รัสเซีย–ยูเครน”

Loading

ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ผันผวนหลังตลาดจับตาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย–ยูเครนที่ยังคงไม่สงบ ท่ามกลางความหวัง FED ลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 63-73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 4 ก.ย. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน เนื่องจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีท่าทีสงบ โดยยูเครนยังคงจู่โจมรัสเซียด้วยโดรนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดยังกังวลผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบรัสเซีย ขณะที่อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือน ต.ค. 68 ลดลง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียเป็น 50% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 68 ท่ามกลางความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ฉนวนกาซาที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ภายในเดือน ก.ย. 68 นอกจากนี้ เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากตัวเลขจีดีพีที่ปรับเพิ่มจากการลงทุนในภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย

  • ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบจากรัสเซียที่ยังคงไม่แน่นอน แม้ล่าสุดจะปรับเพิ่มขึ้นจากการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือฝั่งตะวันตก ได้แก่ Primorsk, Novorossiisk และ Ust-Luga ซึ่งตัวเลขการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ส.ค. 68 เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากแผนเดิม มาอยู่ที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากโรงกลั่นภายในประเทศหลายแห่งหยุดชะงักจากการโจมตีด้วยโดรนของยูเครน ทำให้มีน้ำมันดิบสำหรับส่งออกมากขึ้น ทั้งนี้ Reuters คาดการณ์กำลังการกลั่นของ       โรงกลั่นรัสเซียที่ปิดซ่อมบำรุง ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี โรงกลั่น Novoshakhtinsk ขนาด 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจัดหาเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น ให้กับกองทัพรัสเซียในภูมิภาค Rostov Oblast มีเพลิงลุกไหม้ หลังจากถูกโดรนของยูเครนโจมตี ขณะที่ยูเครนโจมตีท่าเรือ Ust-Luga ในทะเลบอลติกของรัสเซียเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 68 ทั้งนี้ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียไปแล้ว 8 แห่ง ในเดือน ส.ค. 68
  • ตลาดยังคงจับตาความไม่สงบในตะวันออกกลาง หลังล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 68 กองทัพอิสราเอลโจมตีโรงพยาบาล Nasser ทางใต้ของฉนวนกาซา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 20 ราย รวมถึงนักข่าว 5 รายจาก Reuters, Associated Press,
    Al Jazeera และสำนักข่าวอื่นๆ
  • อุปสงค์น้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลง เนื่องจาก Bloomberg คาดการณ์อินเดียนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือน ต.ค. 68 ลดลงราว 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มาอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นผลของแรงกดดันของสหรัฐฯ จากมาตรการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียเป็น 50% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 68
  • อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว เนื่องจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นาย Jerome Powell ส่งสัญญาณว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 16-17 ก.ย. 68 ขณะที่เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มฟื้นฟูเช่นกัน หลังล่าสุด Reuters Poll คาดการณ์ตัวเลขจีดีพีของอินเดียในไตรมาส 2/68 เติบโตอยู่ที่ 6.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ไตรมาส 1/68 เติบโตอยู่ที่ 7.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลจากการลงทุนภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงจากไตรมาส 1/68
  • ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 68 อัตราการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 68 ดัชนีราคาภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 68 ตำแหน่งงานว่างงาน เดือน ก.ค. 68 จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน เดือน ส.ค. 68 และอัตราการว่างงานเดือน ส.ค. 68ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือน ส.ค. 68 อัตราการว่างงาน เดือน ก.ค. 68 ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน ส.ค. 68 ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ก.ค. 68 และยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. 68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 68 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือน ส.ค. 68

ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาด ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 63-73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 22 – 28 ส.ค. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 64.09 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 68.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ส.ค. 68 ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 418.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว

อย่างไรก็ตาม รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย JD Vance กล่าวว่ารัสเซียได้ยอมรับข้อตกลงเบื้องต้นหลายอย่างที่สำคัญในการเจรจายุติสงครามกับยูเครน รวมถึงการที่ยูเครนจะได้รับการรับประกันความปลอดภัยเพื่อป้องกันการโจมตีของรัสเซียในอนาคต ขณะที่ตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบของอินเดียในเดือน ก.ค. 68 ลดลง 8.7%    เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 4.37 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 67