ผู้ชมทั้งหมด 352
ไทยออยล์ ชี้ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้มีแนวโน้มผันผวน จากแผนการผลิตของโอเปกพลัส ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ คาดเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. – 5 มิ.ย. 68 พบว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มผันผวนเนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัสมีมติคงนโยบายลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2569 ตามที่ได้ตกลงตั้งแต่เดือน ธ.ค. 67 พร้อมหารือโควตาใหม่สำหรับปี 2570 ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน ศาลการค้าสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งยกเลิกภาษีศุลกากรที่ทางประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้อำนาจตามกฎหมาย IEEPA เรียกเก็บจากประเทศต่างๆ โดยชี้ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์และอาจกระทบต่อระบบการค้าระหว่างประเทศในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ปรับขึ้นเกินคาดเนื่องจากบรรลุข้อตกลงภาษีกับจีนในช่วงก่อนหน้า ช่วยลดแรงกดดันจากสงครามการค้า ขณะที่ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งการเจรจานิวเคลียร์สหรัฐฯและอิหร่านที่ยังไร้ข้อสรุป รวมถึงความขัดแย้งรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
- ตลาดยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านกำลังผลิตจากที่ได้ตกลงกันในการประชุมเดือน ธ.ค. 67 โดยจะลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2569 และได้ร่วมกันจัดตั้งกลไกในการกำหนดโควตาการผลิตน้ำมันสำหรับปี 2570 โดยโควตาการผลิตน้ำมันที่จะกำหนดใหม่จะมีผลเมื่อแผนปรับลดการผลิตปัจจุบันที่ถูกกำหนดตั้งแต่ปี 2565 สิ้นสุดลง
- ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้มีคำพิพากษาสั่งให้ระงับการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ที่กำหนด โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งบังคับใช้กับเกือบทุกประเทศทั่วโลก โดยศาลมีความเห็นว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (IEEPA) โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และได้มีคำพิพากษายกเลิกภาษีศุลกากรทั้งหมดที่อ้างอิงตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำพิพากษา และอาจถูกนำขึ้นสู่การพิจารณาโดยศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีอำนาจในการวินิจฉัยขั้นสุดท้าย การตัดสินของศาลในคดีนี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบการค้าระหว่างประเทศ และอาจกระทบต่อมูลค่าการค้าทั่วโลก
- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนพ.ค. 68 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.3 จุด สู่ระดับ 98.0 จากระดับ 85.7 ในเดือนเม.ย. 68 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 86.0 โดยการฟื้นตัวของดัชนีดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรระหว่างกัน ส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการสงครามทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
- ผลการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านยังไม่มีความชัดเจน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเสร็จสิ้นการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ รอบที่ 5 ไปแล้วก็ตาม แต่กระบวนการเจรจายังคงมีข้อขัดแย้งหลายประเด็น โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน ทั้งนี้ หากการเจรจาสามารถบรรลุข้อตกลงและนำไปสู่การยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน อาจส่งผลให้การส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านปรับเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะนำไปสู่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
- สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมา รัสเซียได้ยกระดับการโจมตีใส่ยูเครน โดยเปิดฉากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดต่อยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้นในปี 2565 จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ โดนัล ทรัมป์ ออกมาวิจารณ์รัสเซียต่อการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งได้กำหนดกรอบเวลา
2 สัปดาห์ให้แก่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการยุติความขัดแย้งในยูเครน และระบุว่า หากไม่มีความคืบหน้าในการยุติสงครามตามกรอบเวลาที่กำหนด สหรัฐฯ อาจดำเนินมาตรการตอบโต้ในลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิม
- ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ รายจ่ายในภาคการก่อสร้าง เดือน เม.ย. 68 ตำแหน่งงานว่าง เดือน เม.ย. 68 ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน พ.ค. 68 รายงานดัชนีแนวโน้มการเลิกจ้างงาน เดือน พ.ค. 68 และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน พ.ค. 68 อัตราการว่างงาน เดือน เม.ย. 68 ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือน เม.ย. 68 การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เดือน มิ.ย. 68
ทั้งนี้ ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนสรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 23-29 พ.ค. 68 พบว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 60.94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 64.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 65.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจมีแนวโน้มปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีก 411,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. 68
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้ออกใบอนุญาตแบบจำกัดสำหรับดำเนินธุรกิจในเวเนซุเอลาให้แก่บริษัทเชฟรอนทดแทนใบอนุญาตเดิมที่หมดอายุ ภายใต้ใบอนุญาตใหม่ เชฟรอนได้รับอนุญาตให้สามารถถือครองทรัพย์สิน รวมถึงถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนด้านน้ำมันกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลาได้ แต่ไม่สามารถดำเนินงานในแหล่งน้ำมัน รวมถึงส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันจะปรับลดลง
อีกทั้งได้รับแรงหนุนหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรปที่ระดับ 50% จากเดิมที่จะเริ่มต้นในเดือน มิ.ย. เป็นวันที่ 9 ก.ค. 68 โดยระหว่างนี้สหรัฐฯ จะยังคงเก็บภาษีกับสหภาพยุโรปที่ระดับ 10% ขณะที่ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 พ.ค. 65 ปรับลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 44.04 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรล