สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 จ.บึงกาฬ พร้อมเปิดใช้ธ.ค.นี้ ช่วยหนุนการค้าชายแดนโต

ผู้ชมทั้งหมด 45 

ไทย-ลาว ร่วมเทคอนกรีตเชื่อมสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 พร้อมเปิดใช้สัญจร ธ.ค. 68 หนุนมูลค่าการค้าชายแดนโตกว่า 2.8 หมื่นล้าน ดันการสัญจรเพิ่ม 5% ต่อปี พร้อมเดินหน้าสะพานมิตรภาพแห่งที่ 6 มูลค่ากว่า 4.9 พันล้าน เชื่อมจังหวัดอุบลราชธานี – แขวงสาละวัน

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเทคอนกรีตเชื่อมสะพานและพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยกรรมสิทธิ์ การใช้ การบริหาร และการบำรุงรักษาสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ณ จังหวัดบึงกาฬ และลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้าง ทล.212 สายโพนพิสัย – บึงกาฬ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงระบบคมนาคมระหว่างไทย สปป.ลาว และเวียดนาม ยกระดับการเดินทาง การขนส่งและโลจิสติกส์

ทั้งนี้ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนต.ค. – พ.ย. นี้ และจะเปิดให้ใช้บริการเต็มรูปแบบภายในเดือน ธ.ค.68 โดยภายหลังจากการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 จะสนับสนุนให้มูลค่าการค้าชายแดน ไทย – สปป.ลาว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท โดยสะพานแห่งนี้จะเชื่อมต่อไปยังเส้นทางโลจิสติกส์สำคัญ รวมถึงท่าเรือน้ำลึกของเวียดนามอีกด้วย อีกทั้งยังประเมินว่าปริมาณการจราจรในบริเวณดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก 5% ต่อปี ดังนั้นสะพานแห่งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงร่วมกัน

อย่างไรก็ตามสะพานแห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งภายใต้ยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ยกระดับระบบโลจิสติกส์ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเป้าหมายในการสร้างรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม ความปลอดภัยในการเดินทาง มุ่งเน้นการเชื่อมโยงและความคล่องตัวในการขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ โครงการนี้ยังสอดรับกับกรอบความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาค ได้แก่ กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง

พร้อมกันนี้ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีการเชื่อมโยงผ่านสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงขนาดใหญ่แห่งแรก ระหว่างจังหวัดหนองคายและนครหลวงเวียงจันทน์ ในปี 2537 ต่อมาที่มุกดาหารและแขวงสะหวันนะเขต นครพนมและแขวงคำม่วน และอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว และขณะนี้กำลังจะเชื่อมสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 โดยเชื่อว่าการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างประเทศยังมีการเติบโตพัฒนามากขึ้นแบบไม่หยุดยั้ง

สำหรับในอนาคตอันใกล้ยังมีแผนจะดำเนินโครงการสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 6 เชื่อมจังหวัดอุบลราชธานีกับแขวงสาละวัน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มโครงข่ายคมนาคมตามแนวระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 ไม่ใช่เพียงแค่โครงสร้างทางกายภาพ หากแต่เป็นสะพานแห่งมิตรภาพ ความหวัง และอนาคตร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ ทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬและแขวงบอลิคำไซ ตลอดจนเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวให้มั่นคงสืบไป

“ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนของทั้งสองประเทศ ที่ได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อผลักดันโครงการให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมืออันดีมาโดยตลอด แม้จะเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์โรคระบาดที่รุนแรง การเทคอนกรีตเชื่อมสะพานในวันนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่าความร่วมมือของเรากำลังจะบรรลุผลอย่างสมบูรณ์ในช่วงปลายปีนี้ ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายจะเปิดใช้งานสะพานอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและ สปป.ลาว” นายสุริยะ กล่าว

ด้าน นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า สะพานดังกล่าวเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 63 ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 98% อยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียด คาดว่าจะแล้วเสร็จ และเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรภายในปี 68 นี้ โดยโครงการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 เป็นโครงการฯ เชื่อมต่อกับ ทล.222 อำเภอเมืองบึงกาฬกับถนนสาย 13 เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ ภายหลังพิธีเทคอนกรีตเชื่อมสะพาน ทล.จะเตรียมความพร้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการอนุญาตข้ามแดนต่อไป

นายอภิรัฐ กล่าวอีกว่า ในส่วนของสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี – สาละวัน) จะมีจุดเริ่มต้นโครงการอยู่บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย และมีจุดสิ้นสุดที่บริเวณแขวงสาละวัน ประเทศ สปป. ลาว เชื่อมโยงทางหลวงหมายเลข 2112 ในไทยและโครงข่ายทางหลวงใกล้เคียงหมายเลข 13 (R13) ใน สปป.ลาว

โดยมีรูปแบบเป็นสะพานโค้ง (arch bridge) ความยาวสะพานรวม 1,607 ม. ก่อสร้างตัวสะพานช่วงข้ามแม่น้ำยาว 1,020 ม.  ช่วงสะพานบนบกฝั่งไทยยาว 517 ม. ฝั่งสปป. ลาวยาว 70 ม. ซึ่งงานก่อสร้างในโครงการ ประกอบด้วยงานถนนฝั่งไทย 4.325กม. และถนนฝั่งสปป. ลาว 17.509 กม., อาคารด่านพรมแดนในฝั่งไทยและฝั่งสปป. ลาว และมีจุดเปลี่ยนทิศทางการจราจรอยู่ในฝั่งไทย

สำหรับมูลค่าการก่อสร้างวงเงินรวม 4,910 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าฝั่งไทย 2,557 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่างานก่อสร้าง 2,312 ล้านบาท ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 78 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% 167 ล้านบาท และมูลค่าฝั่งสปป. ลาว 2,353 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าก่อสร้าง 2,073 ล้านบาท ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 66 ล้านบาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 10% 214 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามฝ่าย สปป. ลาว อยู่ระหว่างพิจารณาการขอปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้าง โดยเปลี่ยนลักษณะของทางแยกจุดตัดของถนนในโครงการกับถนน R13 เป็นรูปแบบวงเวียน และเปลี่ยนขนาดถนนของโครงการจาก 2 เป็น 4 ช่องจราจร ซึ่งจะทำให้งบประมาณของฝั่งสปป. ลาวเพิ่มขึ้นประมาณ 310 ล้านบาท