“สุริยะ”  ยืนยันปิดจ๊อบก่อสร้างบนถนนพระราม 2 สิ้นปี 68 แน่นอน

ผู้ชมทั้งหมด 74 

“สุริยะ”  ยืนยันปิดจ๊อบก่อสร้างบนถนนพระราม 2 สิ้นปี 68 แน่นอน ไม่มีโครงการก่อสร้างอีกแล้ว พร้อมจ่อชง ครม.ดันมอเตอร์เวย์-รถไฟทางคู่เฟส 2 – เข้าครม.ก่อนเปิดประมูลต่อไป 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างโครงการบนถนนพระราม 2 ทั้งกรมทางหลวง(ทล.) และการทางพิเศษแห่งประเทศทไทย ให้ไปติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยทุกโครงการต้องเสร็จเรียบร้อยภายในสิ้นปี 68 หลังจากนั้นจะไม่มีโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 อีกแล้ว เพราะ ทั้ง 2 โครงการสามารถรองรับการจราจรได้อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนโครงการที่ ทล.อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการต่อขยายทางหลวงพระราม 2 ไปถึงวังมะนาวนั้น ไม่ใช่โครงการก่อสร้างบนถนนสายหลักพระราม 2 เป็นเพียงโครงการบนทางคู่ขนานเพื่อช่วยส่งเสริมการจราจรของท้องถิ่นเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในส่วนของ มอเตอร์เวย์ M 82 สายบางขุนเทียน- เอกชัย-บ้านแพ้ว นั้น ยังมี 2 สัญญาที่ต้องเร่งผลักดันให้เป็นไปตามแผนเพราะมีความล่าช้า  คือ สัญญา 4 และ สัญญา 7 ซึ่งกระทรวงคมนาคมไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปมอนิตอร์อย่างใกล้ชิด และรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์ เพื่อให้งานเป็นไปตามแผนที่วางไว้

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคมมีความชัดเจนที่จะไม่มีโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 แล้ว แต่จะมีโครงการเส้นทางอื่นที่จะช่วยแบ่งเบาการจราจรบนถนนพระราม 2 และรองรับการเดินทางลงสู่ภาคใต้  ได้แก่ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) หมายเลข 8 นครปฐม-ปากท่อ-ชะอำแทน ระยะ(เฟส) ที่ 1 ช่วงนครปฐม-ปากท่อ ระยะทาง 61 กิโลเมตร(กม.) วงเงินลงทุน 61,154 ล้านบาท ซึ่งสามารถดำเนินการได้เลย ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อแล้วเสร็จจะเร่งนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม. ) พิจารณาอนุมติโครงการ ส่วนเฟสที่ 2 ปากท่อ-ชะอำ อยู่ระหว่างการปรับแก้ไขแบบใหม่ เมื่อแล้วเสร็จก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอเข้าสู่การพิจารณาของครม. คือ โครงการรถไฟทางคู่ เฟส ที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,249 กิโลเมตร (กม.) มูลค่ารวมประมาณ 297,924 ล้านบาท ได้แก่ 1.เส้นทางสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 66,270 ล้านบาท 2. เส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 218 กม. วงเงินประมาณ 81,143 ล้านบาท 3.เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม.วงเงินประมาณ 30,422 ล้านบาท 4.เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กม. วงเงินประมาณ 44,095 ล้านบาท 5.เส้นทางเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงินประมาณ 68,222 ล้านบาท และ 6 เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงินประมาณ 7,772 ล้านบาท ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้หารือร่วมกับผู้แทนจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) หรือ สศช. เพื่อเตรียมรายละเอียดในการชี้แจงเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) สภาพัฒน์ พิจารณาช่วงปลายเดือน ส.ค. 2568 เมื่อแล้วเสร็จจะเข้าสู่ขั้นตอนนำเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติภายในปีนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากครม.อนุมัติโครงการแล้ว ทางรฟท.จะต้องไปดำเนินการประกวดราคาหาผู้รับจ้างต่อไป โดยมีการจัดลำดับความสำคัญในเส้นทางที่ต้องเร่งดำเนินการก่อน 3 เส้นทาง ได้แก่ 1. เส้นทางช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย 2.เส้นทาง ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี และ3. เส้นทางช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ส่วนที่เหลืออีก 3 เส้นทางก็ทยอยดำเนินการในระยะถัดไป

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของทล.มีโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว ได้แก่ โครงการมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ (M5) สายรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. วงเงินลงทุน 31,358 ล้านบาท และโครงการมอเตอร์เวย์ หมายเลข 9 (M9) สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน – บางบัวทอง รวมระยะทาง 35.85 กม. วงเงิน 56,035 ล้านบาท ซึ่ง ทล.ต้องเร่งเปิดประมูลหาผู้รับจ้างดำเนินงานต่อไป