“สุริยะ” สั่งทุกหน่วยงาน เร่งเบิกจ่ายงบฯปี 68 ให้ครบ 100% ในเดือนกันยายนนี้

ผู้ชมทั้งหมด 78 

“สุริยะ” ยอมรับเบิกจ่ายงบฯปี 68 ล่าช้า เร่งทุกหน่วยงานดำเนินการด่วน มั่นใจเบิกครบ 100% ก.ย.นี้ เดินหน้างบฯขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 5.6 หมื่นล้าน ยืนยันช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดีมาก พร้อมเร่งรัดไฮสปีดกรุงเทพฯ – นครราชสีมาให้เสร็จตามแผนโดยเร็ว 

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 2/2568 ว่า ที่ประชุมได้ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568  และมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานเพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบฯได้ตามเป้าหมาย พบว่าการหาผู้รับจ้างทั้งรายการปีเดียวและรายการผูกพันใหม่ยังล่าช้ากว่าแผนหลายหน่วยงาน จึงสั่งการให้เร่งดำเนินการโดยด่วน เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงกำหนดคืสามารถเบิกจ่ายได้ 100% ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้

โดยการเบิกจ่ายเงินกันเหลื่อมปี 2567 ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 วงเงิน 47,373.50 ล้านบาท ขณะนี้กระทรวงคมนาคมเบิกจ่ายสะสมรวม 40,593.25 ล้านบาท หรือ 85.69% ขณะที่ผลการเบิกจ่ายด้านการลงทุน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 93,000.54 ล้านบาท หรือ 43.82% สำหรับการลงนามในสัญญารายการผูกพันใหม่ 326 รายการ วงเงิน 24,184.65 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม2568 ลงนามในสัญญาแล้ว 86 สัญญา วงเงิน 1,311.37 ล้านบาท ภายหลังการปรับแผนในเดือนมิถุนายน 2568 จะลงนามในสัญญาได้173 สัญญา คิดเป็น 79.45% และจะลงนามได้ 100% ภายในเดือนสิงหาคม 2568 ทั้งนี้การเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้นั้นเพื่อใช้สำหรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้กำชับทุกหน่วยงานให้ดำเนินการทุกโครงการอย่างเคร่งครัด และต้องมีความโปร่งใสทุกกระบวนการ 

สำหรับการดำเนินงานงบประมาณขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทนั้น กระทรวงคมนาคม ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณวงเงินรวม 56,666 ล้านบาท โดยสั่งการให้หน่วยงานเตรียมดำเนินการล่วงหน้าเพื่อให้สามารถหาผู้รับจ้างได้โยเร็ว ทั้งนี้จากเดิมที่จะมีการพิจารณางบฯขับเคลื่อนเศรษฐกิจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่ออนุมัติในการประชุมวันที่ 10 มิ.ย.นี้นั้น ต้องเลื่อนออกไปเป็นการประชุมครม.ในวันที่ 17 มิ.ย. เนื่องจากมีบางโครงการที่ไม่ใช่ของกระทรวงคมนาคมยังไม่ชัดเจน ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงเรียกผู้เกี่ยวข้องประชุมในวันที่ 10 มิ.ย.นี้เพื่อหาข้อสรุปก่อนต่อข้อถามที่ว่ามีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่างบประมาณขับเคลื่อนเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่โครงการของกระทรวงคมนาคมเป็นการนำไปใช้ซ่อมสร้างถนน นายสุริยะ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีมาก เพราะการที่กระทรวงการคลังโอนถ่ายเงินดิจิทัลที่จะนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนมาให้กับกระทรวงต่างๆ นั้น ได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาแล้ว ซึ่งเห็นว่างบฯก่อสร้างสั้นๆ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ดีมาก เพราะวงเงิน 5-10 ล้านต่อโครงการจะก่อให้เกิดการสร้างงาน มีการจัดซื้อวัสดุกอสร้างได้ทันที และกรมทางหลวง(ทล.) ก็รายงานว่า น่าจะสามารถลงนามในสัญญาจ้างได้ถึง70% ภายในเดือนก.ค.นี้  

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ณ วันที่ 25 เมษายน 2568 งานโยธามีผลงานสะสม 43.79% งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร มีความคืบหน้า 0.95% ทั้งนี้ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กำชับผู้รับจ้างเพิ่มกำลังคนและเครื่องจักรเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผน ตลอดจนหาข้อยุติสัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ – ดอนเมือง ที่ยังติดปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมต่อสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) และสัญญา 4 – 5 ช่วงบ้านโพ – พระแก้ว เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาได้โดยเร็ว

 โดยในส่วนของญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ – ดอนเมือง อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างสัญญาของอัยการสูงสุด เมื่อส่งเรื่องกลับมาแล้วจะส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ ครม.พิจารณาทันที ส่วนสัญญา 4 – 5 ช่วงบ้านโพ – พระแก้ว นั้นเรื่องนี้องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้แจ้งว่ากระทบแค่แบบสถานีเท่านั้น ซึ่งรฟท.จะหารือกับกรมศิลปากร พร้อมกันนี้ได้เตรียมร่างสัญญาและส่งให้เอกชนพิจารณาแล้ว

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำ รฟท.ว่า สัญญาที่รฟท.มีการขยายออกไปแล้วต้องไม่มีการขยายสัญญาซ้ำอีก และต้องตรวจสอบกับผู้รับจ้างให้เป็นไปตามสัญญาอย่างเคร่งครัด ส่วนที่ยังไม่ได้ขยายสัญญาขอให้หลีกเลี่ยงการขยายสัญญาออกไปเว้นแต่กรณีเหตุสุดวิสัยและกรณีที่ไม่ใช่ความผิดของผู้รับจ้าง

ขณะเดียวกันให้ดำเนินการประกวดราคาระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย โดยให้เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยเบื้องต้นไดรับรายงานว่ารฟท.ได้พิจารณาภายในแล้วจะมีการประกวดราคารวม 8 สัญญา ประกอบด้วยงานโยธา 7 สัญญาและงานระบบ 1 สัญญา 

นายสุริยะ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมมีโครงการที่อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ได้แก่ โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ – ป่าตอง โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางบัวทอง – บางปะอิน (M9) โครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศ EV การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขออนุมัติรวมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน – ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีสะพานพระราม 6 สถานีบางกรวย – กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) และโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน – ศิริราช เข้าด้วยกัน เพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นสัญญาเดียว ขออนุมัติจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบภายในประเทศ 946 คัน ขออนุมัติปรับกรอบวงเงินลงทุนและจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติม เพื่อรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน โครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 6 เส้นทาง ขอความเห็นชอบโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 184 คัน พร้อมอะไหล่ ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษและรถด่วน 182 คัน พร้อมอะไหล่ และขอความเห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า พร้อมอะไหล่ ขนาดน้ำหนักกดเพลา 20 ตันต่อเพลา จำนวน 113 คัน