“สุริยะ” สั่ง AOT เร่งศึกษาแนวทางปรับค่า PSC ด้าน AOT คาดปรับขึ้นสิ้นปีนี้

ผู้ชมทั้งหมด 120 

“สุริยะ” สั่ง AOT เร่งศึกษาแนวทางปรับค่า PSC ขาออก 6 สนามบิน ชี้นำรายได้มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนามบิน ระบุต้องได้ข้อสรุปใน 2 เดือนนี้ ด้าน AOT คาดปรับขึ้นค่า PSC สิ้นปีนี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาแนวทางการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร (Passenger Service Charges: PSC) ขาออก ของท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของAOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.),  ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.), ท่าอากาศยานภูเก็ต(ทภก.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) 

โดยในการศึกษาดังกล่าวให้มีการเปรียบเทียบการจัดเก็บค่า PSC กับท่าอากาศยานของประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า การจัดเก็บค่าPSC ของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน โดยในส่วนของ AOT ในปัจจุบันก็มีอัตราการจัดเก็บที่ต่ำกว่าบางประเทศ และก็มีที่สูงกว่าบางประเทศด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาความเหมาะสมก่อน ส่วนจะปรับเพิ่มเท่าไหร่คงต้องรอผลการศึกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ข้อสรุปภายใน2เดือนนี้ หรือประมาณเดือน ก.ย.68

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า  จากข้อมูลของผู้โดยสารขาออกพบว่าส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ ซึ่งหากมีการปรับเพิ่มค่าPSCได้ก็จะสามารถนำเงินมาพัฒนาสนามบิน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายในสนามบินเช่น ทสภ. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) หรือ โครงการพัฒนาอื่นๆของสนามบินต่างๆ

ต่อข้อถามว่า แนวคิดการปรับเพิ่มเพิ่มค่า PSC เนื่องมาจากปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของ AOT หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ส่วนการเก็บเพิ่มเพราะรายได้เชิงพาณิชย์หายไปนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ต้องการเก็บเพื่อนำขยายสนามบินให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น 

ด้าน น.ส.ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า ปัจจุบัน ทอท.อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาปรับขึ้นค่าธรรมเนียมบริการผู้โดยสาร PSC โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ และนำมาใช้ลงทุนยกระดับท่าอากาศยานในสังกัดให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาคเอเชีย โดยการปรับขึ้นค่า PSC นั้น AOT จะต้องศึกษารายละเอียดในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสนามบิน ภาวะเศรษฐกิจ 

โดยเบื้องต้น AOT คาดว่าจะศึกษาเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ ก่อนจะนำเสนอต่อสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) และคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ต่อไป โดย AOT คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับค่า PSC ให้ได้ภายในปีนี้ เนื่องจากทุกวันที่ล่าช้าหมายถึงการสูญเสียรายได้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาท่าอากาศยาน ขณะที่ปัจจุบัน AOT มีรายได้จากค่า PSC ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ ปัจจุบัน AOT จัดเก็บค่า PSC แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศอยู่ที่ 730 บาท และผู้โดยสารขาออกในประเทศอยู่ที่ 130 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับสนามบินชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก และที่ผ่านมาไม่ได้มีการปรับขึ้นมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งล่าสุดในปี 2567 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้น แต่อนุมัติให้ปรับในอัตรา 30 บาท ซึ่งยังต่ำกว่าท่าอากาศยานอื่นๆ จึงทำให้ AOT ต้องศึกษาแนวทางปรับขึ้น เพื่อหาจุดที่เหมาะสม และทำให้ AOT มีรายได้เพียงพอที่จะนำไปพัฒนาสนามบินให้เป็นฮับตามเป้าหมาย

น.ส.ปวีณา กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน คือ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ซึ่ง AOT จำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะหนึ่งในปัญหาเร่งด่วน คือการไม่มีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งสร้างความไม่สะดวกอย่างมาก และอาจเป็นสาเหตุให้ผู้โดยสารหลีกเลี่ยงการใช้บริการในอนาคต ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ AOT กำลังเร่งดำเนินการจัดสร้างห้องสูบบุหรี่ โดยจะเปิดให้บริการที่อาคาร Satellite (SAT-1) 6 จุด และอาคารผู้โดยสารหลัก 3 จุด ซึ่งจะทยอยเปิดนำร่องจุดแรกในต้นเดือนสิงหาคม 2568