”อรรถพล“ ดัน ”ไฮโดรเจน“บรรจุแผนPDP ชี้โอกาสสู่ Net Zero 2050

Loading

อรรถพล’ ชี้ ‘ไฮโดรเจน’ คือโอกาสของประเทศในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050 พร้อมบรรจุอยู่ในแผน PDP

วันนี้ (24 ตุลาคม 2568) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ไฮโดรเจน โอกาสทางเศรษฐกิจและความอยู่รอดของประเทศไทย” ในงานสัมมนาที่จัดขึ้นโดย คณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา โดยระบุว่า “ไฮโดรเจน” เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่สำคัญ ท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์โลก ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจพลังงานที่ผันผวน และทิศทางที่มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ที่ทั่วโลกกำลังเร่งดำเนินการ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เน้นย้ำถึงความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะการปรับตัวตามทิศทางโลกที่มุ่งสู่ Net Zero ซึ่งส่งผลให้ไทยต้องปรับเป้าหมายการบรรลุ Net Zero ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี ค.ศ. 2065 เป็นปี ค.ศ. 2050

กระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์หลัก 3 ด้าน คือ ความมั่นคงทางพลังงาน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (ราคาที่เหมาะสม) และการสร้างความยั่งยืน (พลังงานคาร์บอนต่ำ) พร้อมผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ เช่น ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย และ SMR ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

สำหรับศักยภาพของไฮโดรเจนนั้น ประเทศไทยมีโอกาสสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการการใช้พลังงานจำนวนมาก นอกจากนั้น แผนพลังงานชาติฉบับร่างได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมไฮโดรเจน โดยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับร่าง ตั้งเป้าหมายการผสมไฮโดรเจนกับก๊าซธรรมชาติเริ่มต้น 5% ในการผลิตไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2030 ขณะที่แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ฉบับร่าง ตั้งเป้าใช้ไฮโดรเจนเชิงความร้อนในภาคอุตสาหกรรมที่ 10 KTOE และในภาคขนส่งที่ 4 KTOE ภายในปี ค.ศ. 2037 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศให้ไฮโดรเจนและแอมโมเนียเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พศ. 2542 รวมทั้งจะดำเนินการจัดทำกลไกและมาตรการสนับสนุนที่ชัดเจน เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลิตและขนส่งไฮโดรเจน รวมถึงการจัดมาตรการสนับสนุนด้านการเงินและสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ภาคเอกชน

‘ไฮโดรเจน’ เป็นทั้งพลังงานทางเลือก และเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ให้กับประเทศ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืน การขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางไฮโดรเจนสีเขียวในอาเซียน และการสร้างความร่วมมือกับนานาชาติ จะทำให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างมั่นคงและเป็นธรรม” นายอรรถพล กล่าว