ผู้ชมทั้งหมด 311
“อินโนพาวเวอร์” เร่งหาลูกค้าเพิ่มเป็น 200 รายในปีนี้ หวังปิดดีลขนส่งรายใหญ่ขยายบริการรถยนต์ EV มั่นใจรายได้โตกว่า 40% แตะ 400 ล้านบาท พร้อมช่วย SME รับมือสินค้าจีน สหรัฐฯ แนะลงทุนพลังงานสะอาด ขยายตลาดยุโรป

นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินโนพาวเวอร์ฯ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 บริษัทฯ มีรายได้ 128 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลัง 2568 คาดว่าจะมีรายได้ 350 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีมีรายได้ 478 ล้านบาท เติบโต 40% เทียบกับปี 2567 ที่มีรายได้ 286 ล้านบาท และยังทำให้เติบโตเกินเป้าของปีนี้ที่ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท แต่คาดว่าภาพรวมในปี 2568 จะมีกำไรราว 15 ล้านบาท จากเป้าหมายของปีนี้อยู่ที่ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ภายในปี 2570 คาดว่ามูลค่าบริษัทจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับรายได้และกำไรที่เติบโตเพิ่มขึ้นในปี 2568 เนื่องมาจากธุรกิจ ENERGY SOLUTION และธุรกิจ MOBILITY SOLUTION ที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจ REC Aggregator แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานหมุนเวียนก็ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว การขยายการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า (EV Fleet) และการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าครบวงจร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับ บริษัท ขนส่งรายใหญ่ของไทย ให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV ในการขนส่งพัสดุ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้


อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา “อินโนพาวเวอร์” ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปลี่ยนรถรับส่งพนักงานจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นรถยนต์ EV โดยดำเนินการเปลี่ยนไปแล้ว 27 คัน ซึ่งช่วยประหยัดเงินในการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลได้ประมาณ 6-7 แสนบาทต่อปี จากประสบการณ์ตรงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการลงทุนขยายการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร
ส่วนธุรกิจการซื้อขายและบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยจะเปิดบริการ Carbon Credit Aggregator ซึ่งบริษัทฯ จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมคาร์บอนเครดิตจากการชาร์จไฟฟ้าจากเครื่องชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charger) และนำไปซื้อขายในตลาดคาร์บอนนั้นคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคม 2568
ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทฯ ได้เตรียมจัดสรรเงินเงินลงทุนอีก 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ SME รวมถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ โดย อินโนพาวเวอร์ จะเป็นผู้ลงทุนให้ก่อนและแบ่งปันผลประโยชน์การประหยัดร่วมกัน คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะได้ลูกค้าเข้ามาเพิ่มเป็น 200 ราย แม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีก็ตาม จากในช่วงครึ่งปีแรก 2568 นั้นมีลูกค้าใหม่ราว 150 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคการผลิต สถาบันการเงิน ธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรสินค้า กำลังขยายไปสู่ธุรกิจภาคการท่องเที่ยว (Tourism)
อย่างไรก็ตามในอนาคต SME ไทยอาจจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากทั้งสินค้าจีนและ สหรัฐอเมริกาที่อาจเข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยที่สหรัฐฯ อาจได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของสินค้าบางประเภท 0% เช่นสินค้าเกษตร หรือสินค้าเหล่านั้นเป็นประเภทที่ SME ไทยผลิตอยู่แล้วจะทำให้การแข่งขันยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการ SME จะต้องปรับตัว และลงทุนด้านนวัตกรรมพลังงานสะอาด เทคโนโลยีในการลดใช้พลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดในกลุ่มยุโปร (EU) ที่เริ่มกำหนดให้รับเฉพาะสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย อินโนพาวเวอร์ จะเข้าไปลงทุนเทคโนโลยีพลังงานสะอาดให้ ตัวอย่างเช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ พร้อมด้วยระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) รวมถึงจะเข้าไปช่วยวิเคราะห์แนวโน้มราคาและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ เพื่อให้การใช้ไฟฟ้าเกิดประโยชน์สูงสุด
“อินโนพาวเวอร์พร้อมที่จะช่วยเหลือ SME ไทยในการก้าวผ่านความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น โดยเน้นการสร้างความยั่งยืนที่จับต้องได้และคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ด้วยการสนับสนุนทั้งด้านคำปรึกษา เทคโนโลยี และเงินทุน เพื่อให้ SME ไทยสามารถ “ค่อยๆ เขียว” และรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันได้ทั้งในตลาดในประเทศและระดับสากล” นายอธิป กล่าว