3 การไฟฟ้า “EGAT – MEA – PEA” บูรณาการสร้างความมั่นคงพลังงานไทยทุกมิติ

ผู้ชมทั้งหมด 139 

3 การไฟฟ้า “EGAT – MEA – PEA” บูรณาการความร่วมมือเพิ่มขีดความสามารถ การดำเนินงานสร้างความมั่นคงทางพลังงานไทยในทุกมิติ

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) จัดการประชุมคณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ครั้งที่ 54 (1/2568) โดยมีนายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง EGAT ในฐานะประธานกรรมการ คณะกรรมการปรับปรุงความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ประจำปี 2568 นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการบริการระบบจำหน่าย MEA และ นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้า PEA ในฐานะประธานร่วมฯ พร้อมคณะกรรมการ คณะทำงานและผู้เกี่ยวข้องจากทั้ง 3 หน่วยงานเข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร

สำหรับการประชุมครั้งนี้ 3 การไฟฟ้าได้บูรณาการความร่วมมือกัน เพื่อเชื่อมโยงการดำเนินงานในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง เพียงพอ เชื่อถือได้และปลอดภัย โดยมีคณะทำงานทั้งหมด 8 คณะ ได้แก่

1) คณะทำงานปรับปรุงระบบป้องกัน 2) คณะทำงานด้านมาตรฐานอุปกรณ์และการบำรุงรักษา 3) คณะทำงานประเมินระดับความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า 4) คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 5) คณะทำงานศึกษาและกำหนดค่าที่เหมาะสมของ Power Quality 6) คณะทำงานความร่วมมือด้านสื่อสารโทรคมนาคม 7) คณะทำงานความร่วมมือด้านระบบไฟฟ้าแบบ Smart Grid

และ 8) คณะทำงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ของเทคโนโลยีระบบปฏิบัติการ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามั่นคงในทุกมิติ นอกจากนั้นยังมุ่งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ ตลอดจนถอดบทเรียนเหตุการณ์ไฟฟ้าดับประเทศสเปนเพื่อเตรียมการป้องกันสำหรับประเทศไทย

นายเสน่ห์ ตรีขันธ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบส่ง EGAT ในฐานะประธานกรรมการฯ กล่าวว่า ปัจจุบันระบบไฟฟ้าไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างพลังงาน รวมถึงการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนที่มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่าน ไปสู่เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเหตุการณ์ไฟดับครั้งใหญ่ที่สเปนถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนถึงความเปราะบางของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นแนวทางในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และเป็นสิ่งสำคัญที่ 3 การไฟฟ้าต้องประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคง ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต

นายพิพัฒน์ ชลอำไพ รองผู้ว่าการบริการระบบจำหน่าย MEA ในฐานะประธานร่วมฯ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนและการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตามนโยบายภาครัฐ ทำให้พลังงานหมุนเวียนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภาคการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศ ยังมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้า เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ 3 การไฟฟ้าจึงต้องผสานความร่วมมือเตรียมความพร้อมในการพัฒนาองค์ความรู้แก่บุคลากร การแสวงหาและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในงานด้านต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นายอุดมศักดิ์ เต็มวงษ์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการระบบไฟฟ้า PEA ในฐานะประธานร่วมฯ เผยว่า การบูรณาการความร่วมมือด้านความั่นคงระบบไฟฟ้าของ 3 การไฟฟ้าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือและแก้ปัญหาความมั่นคงระบบไฟฟ้าร่วมกัน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ที่เพิ่มขึ้นถือเป็นความท้าทายอย่างมากในระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ของเทคโนโลยี (Cyber Security) ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า โดยทั้ง 3 การไฟฟ้าต้องร่วมมือกันพัฒนาและหาทางป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในทุกมิติ เพื่อไฟฟ้าไทย Strong Smart and Sustainable