ปตท.มั่นใจ “กลยุทธ์ถูกทาง” หนุนผลงานครึ่งหลังปี 2568 โตตามเป้า เพิ่มกระแสเงินสด 1 แสนลบ.

ผู้ชมทั้งหมด 22 

ปตท.มั่นใจเดิน “กลยุทธ์ถูกทาง” หนุนผลงานปี 2568 โตตามเป้า ชี้ โครงการ  EBITDA Uplift  เพิ่มกระแสเงินสด 1 แสนล้านบาท ใน2 ปี(ปี2568-2569) ขณะที่สิ้นปี 2568 เคาะรายชื่อ พันธมิตรร่วมทุน “ปิโตรเคมี-โรงกลั่น”

ปัจจัยความท้าทายต่อการขับเคลื่อนธุรกิจช่วงครึ่งแรกของปี2568 ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์,ภาษีการค้ากับสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ ปรับลดลงราว 20% เกิดปัญหามีส่วนต่างของกำไรขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ประกอบกับ Spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยกดดันการขับเคลื่อนธุรกิจ

แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือPTT ที่เดินมาถูกทาง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกปี 2568 ยังคงแข็งแกร่งด้วยกำไรสุทธิ 44,848 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิของทั้งปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 90,072 ล้านบาท ซึ่งยังคงสามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงครึ่งหลังปี 2568 จะเป็นไปตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ โดยในช่วง 2 ปี(ปี2568-2569) จะสามารถสร้างกระแสเงินสดรวม อยู่ที่ ระดับ 1 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ทั้งราคาน้ำมันดิบที่ยังไม่ปรับขึ้นมากนัก สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน จะส่งผลให้มาร์จิ้นของธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นยังทรงตัว

ดังนั้น ปตท.ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งภายในองค์กรที่จะทำให้ความสามารถของผลประกอบการดีขึ้น ตามวิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” โดยมีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ สร้างการเติบโตควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุลและยั่งยืนโดยมีการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่สำคัญในไตรมาสที่ผ่านมา ดังนี้

ธุรกิจ Hydrocarbon ที่เป็นธุรกิจหลักที่ ปตท. มีความเชี่ยวชาญ โดยเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ มุ่งเน้นเสริมสร้างความสามารถการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง อาทิ การขยายธุรกิจด้านสำรวจและผลิต โดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ได้ขยายการสำรวจและผลิตในแหล่งใหม่ๆ โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากทั้งแหล่งอาทิตย์ แหล่งสินภูฮ่อม และแหล่ง MTJDAรวมไปถึงชนะการประมูลในโครงการ Reggane II

ขณะเดียวกัน ปตท. ได้ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นGlobal LNG Player สร้างการเติบโต ขยาย LNG Portfolio สู่เป้าหมาย 10 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573 และ 15 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2578 พร้อมลงนามข้อตกลงร่วมศึกษาการจัดหา LNG ระยะยาวกับบริษัท 8 Star Alaska, LLC ประเทศสหรัฐอเมริกา

“ตามกลยุทธ์ ระยะกลาง ในการหาพันธมิตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรระดับ คาดว่า สิ้นปีนี้จะได้รายชื่อพันธมิตรที่ชัดเจน และเจรจาเสร็จสิ้นในปีหน้า ซึ่งพันธมิตรที่มาร่วมลงทุนจะต้องอยู่ในอุตสาหกรรมฯด้วย ไม่ใช่แค่ใส่เงินเข้ามาเท่านั้น โดย ปตท.จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่”

ธุรกิจ Non-Hydrocarbon มีความก้าวหน้าที่ดี เดินตามแผนกลยุทธ์ปรับพอร์ตการลงทุน โดยธุรกิจ Life Science ร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ สร้างการเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง (Self-funding) ปรับการถือหุ้น Lotus ผ่านธุรกรรมการขายหุ้น เพื่อเพิ่มความคล่องตัว

รวมทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจ EV จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด โดยเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้

การดำเนินงานด้านความยั่งยืน กลุ่ม ปตท. ยึดหลักการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างสมดุลใน 3 มิติ ได้แก่

1. เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน มีการกระจายความเสี่ยง สามารถรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Security)

2. จัดหาแหล่งพลังงานที่สามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ (Affordability / Competitiveness)

และ 3. ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่การลดก๊าซเรือนกระจก (Sustainability) ตามแผน (กลยุทธ์ระยะยาว) โดยดำเนินการศึกษา Eastern Thailand CCS Hub แล้วเสร็จ โดยมีการ FID โครงการ CCS ในแหล่งอาทิตย์

พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ด้านธุรกิจไฮโดรเจน ศึกษาโอกาสในการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้า พร้อมลงนามข้อตกลงความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ทางเทคนิคและเชิงพาณิชย์ในการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวที่ผลิตในประเทศอินเดียสู่ประเทศไทยร่วมกับ Avaada Ventures Private Limited

ส่วนการสร้างความแข็งแรงจากภายใน ตามแผน (กลยุทธ์ระยะสั้น) ผ่านโครงการสำคัญที่จะช่วยยกระดับผลการดำเนินงานเพิ่ม EBITDA Uplift และสร้างความสามารถในการแข่งขันของกลุ่ม ปตท. ในทุกมิติ ดังนี้

 1.การบริหารความร่วมมือด้าน Supply Chain และMarketing ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ D1 และ Project One (P1) เพื่อยกระดับSynergy ภายในกลุ่ม ปตท. และเตรียมความพร้อมขยายตลาดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายจะสร้าง EBITDA อยู่ที่ 5,800 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2573 ขณะที่ทั้งปี 2568 ตั้งเป้าหมาย อยู่ที่ 4,325 ล้านบาท จากครึ่งแรกปี 2568 ทำได้แล้ว อยู่ที่ 2,383 ล้านบาท

2. ทำเรื่อง Operational Excellence (MissionX) ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ (Lean Process) ควบคู่กับการทำ Change Management และ Best Practice Sharing เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายจะสร้าง EBITDA อยู่ที่ 30,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 ขณะที่ทั้งปี 2568 ตั้งเป้าหมาย อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท จากครึ่งแรกปี 2568 ทำได้แล้ว อยู่ที่ 4,700 ล้านบาท

3. ขับเคลื่อนDigital Transformation (Axis) โดยผลักดันให้เกิดการพัฒนา Use Cases สนับสนุนธุรกิจกลุ่ม ปตท. พร้อมทั้งพัฒนา Infrastructure และศักยภาพพนักงาน โดยตั้งเป้าหมายจะสร้าง EBITDA อยู่ที่ 12,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2572 ขณะที่ทั้งปี 2568 ตั้งเป้าหมาย อยู่ที่ 200 ล้านบาท จากครึ่งแรกปี 2568 ทำได้แล้ว อยู่ที่ 60 ล้านบาท

4. Asset Monetization (A1) การบริหารสินทรัพย์เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดของกลุ่ม ปตท. เพิ่ม Asset Optimization & Synergy และปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสม ที่ตั้งเป้าหมายมุ่งสร้างกระแสเงินสดรวม อยู่ที่ ระดับ 1 แสนล้านบาท ในช่วง 2 ปี โดยปี 2568 จะทำได้ 38,000 ล้านบาท และในปี2569 จะทำได้ 77,000 ล้านบาท

5. Financial Excellence (F1) เสริมสร้างความแข็งแกร่งและวินัยทางการเงินเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้แก่นักลงทุน สอดคล้องพันธกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ 

“ช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ จะมีกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่องจากการปรับพอร์ต และบริหารสินทรัพย์ เช่น ธุรกิจ EV  ที่ยังคงทบทวนโครงสร้างการลงทุน ที่จะเลือกไว้เฉพาะธุรกิจที่ ปตท.มีความถนัด และธุรกิจไฟฟ้า ผ่านการลงทุนของ GPSC ที่ยังเดินหน้าปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม เป็นต้น”

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ดำเนินการสร้างความแข็งแรงร่วมกับสังคมไทยมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านกิจกรรมและโครงการสำคัญที่ได้ดำเนินการช่วงครึ่งปี 2568 ได้แก่

1) การผนึกพันธมิตรทางการเงินต่างๆ ลงทุนในตราสารหนี้ที่เชื่อมโยงกับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ Young Saver Bond เป็นครั้งแรก เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ

2) กลุ่ม ปตท. ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนในทุกวิกฤตของประชาชนและประเทศ อาทิ การเร่งส่งมอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพในสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา และการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยใน จ.แพร่ และ จ.น่าน

3) กลุ่ม ปตท. ให้การสนับสนุนเกษตรกรไทยในสภาวะผลผลิตล้นตลาด ผ่านโครงการชวนคุณสร้างรอยยิ้มให้เกษตรกร และโครงการชุมชนยิ้มได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ปตท. ยังคงสานต่อการเผยแพร่โครงการตามพระบรมราโชบายด้านการพัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติชุด “สายน้ำแห่งชีวิต” และจัดกิจกรรม “สายธารพระเมตตา เปรมประชาวนารักษ์” เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่เยาวชน ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นชัดถึงการที่กลุ่มปตท. ให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างสมดุลและยั่งยืน