ผู้ชมทั้งหมด 362
ITEL คาดรายได้–กำไรโตต่อเนื่องในไตรมาส 2/66 ขณะที่ไตรมาส 1/66 ที่มีรายได้ 556 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท ทั้งยังได้มีการเซ็นสัญญางานใหม่เพิ่มเติม ทั้งงานวางระบบเคเบิลใยแก้วนำแสง และอุปกรณ์ประกอบระบบพื้นที่ จ.กาญจนบุรี มูลค่า 39.50 ล้านบาท คาดหนุนผลงานรวมปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมตั้งเป้ามีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยรวมทุกธุรกิจที่ 22-25%
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีความเสถียรภาพสูงสุดทั่วประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส2/2566 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2566) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566 ที่มีรายได้รวม 556 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท จากงานบริการโครงข่ายโทรคมนาคม (Data Service) งานบริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์(Data Center) และงานติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม (Installation)
โดยในเดือนเมษายน บริษัทฯ ได้รับงานวางระบบโครงข่าย ระบบเคเบิลใยแก้วนำแสง และอุปกรณ์ประกอบระบบพื้นที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมติดตั้ง ตามโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมทหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวน1 งาน มูลค่า 39,500,000 บาท (สามสิบเก้าล้านห้าแสนบาทถ้วน) ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนค่าติดตั้ง ค่าฝึกอบรม ค่าภาษีอากรอื่นๆ ค่าตรวจทดลองหรือทดสอบ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงด้วยแล้ว
รวมทั้ง ได้ลงนามความร่วมมือกับ Edge Centres พันธมิตรดาต้า เซ็นเตอร์ ระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อจัดตั้ง ศูนย์สำรองข้อมูล หรือ Data Center อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทยกลางเมือง จ.เชียงใหม่ ในชื่อ“EC61” (E-C-Sixty-One) ซึ่งเป็นศูนย์สำรองข้อมูลแบบไฮเปอร์สเกล ที่ออกแบบ สร้าง และจัดส่งโดยใช้เทคโนโลยี 5G ล้ำสมัย ด้วยการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่โดยพึ่งพาพลังงานจากสาธารณูปโภคน้อยที่สุด และระบบประมวลผลที่ทันสมัยได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ
“ในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 556 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท หรือ5.82% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจให้บริการโครงข่าย ที่มีรายได้ 312 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่าย จำนวน 207 ล้านบาท และธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ จำนวน 24 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยรวมทุกธุรกิจอยู่ที่ 27% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 22% โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยรวมทุกธุรกิจที่ 22-25%” นายณัฐนัย กล่าว
นายณัฐนัย กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งฐานลูกค้าเก่าที่เข้ามาใช้บริการ และต่อยอดความสำเร็จในการขยายบริการเพิ่มเติม เช่น งาน Drone & Anti-Drone, งาน Smart CCTV และอื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า สร้างรายได้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลงานโดยรวมปีนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ