ผู้ชมทั้งหมด 92
เอสอาร์ที ลงนาม กองสลาก ร่วมมือจับสลาก โครงการบ้านเพื่อคนไทย หลังผ่านคัดเลือก 1.3 แสนราย คาดชงครม. ต.ค. 68 อนุมัติดำเนินโครงการ ก่อนเริ่มจับสลากเฟสแรก พ.ย. 68 หาผู้โชคดี 5,000 คน มูลค่าการลงทุน 7,000 ล้านบาท
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาค กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการบ้านเพื่อคนไทย ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เพื่อดำเนินการจับสลากคัดเลือกหาผู้ที่ได้สิทธิเช่าซื้อบ้านเพื่อคนไทย โดยภายหลังจากการลงนามกันครั้งนี้ก็จะดำเนินการจ้างที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการจัดทำร่างรายละเอียดการประกวดราคา (TOR) ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมถึงการออกแบบก่อสร้าง คาดว่าจะได้ที่ปรึกษาในเดือนมิถุนายน 2568
หลังจากได้ตัวที่ปรึกษาก็จะเร่งให้ดำเนินการยื่นขอ EIA ร่าง TOR ออกแบบก่อสร้าง โดยการดำเนินการขั้นตอนขอ EIA คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคาดว่าจะเสนอครม.อนุมัติให้ดำเนินโครงการได้ภายในเดือนตุลาคม 2568 ภายหลังจากครม.อนุมัติให้ดำเนินโครงการ คาดว่าจะเริ่มการจับสลากในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพื่อคัดเลือกผู้ที่ได้สิทธิ์เช่าซื้อที่อยู่อาศัยโครงการบ้านเพื่อคนไทยในระยะแรก จนวน 5,000 ราย จากผู้ที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 130,000 ราย ทั้งนี้ภายหลังจากคัดเลือกผู้ที่ได้สิทธิก็จะเริ่มดำเนินการประกวดราคา เพื่อหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระยะแรก มูลค่าการลงทุนราว 7,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทยในระยะแรกมีแผนเปิดโครงการนำร่องในพื้นที่ศักยภาพ 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ (ย่าน กม.11 และธนบุรี) ปทุมธานี (เชียงราก) และเชียงใหม่ ส่วนโครงการบ้านเพื่อคนไทยระยะที่ 2 ก็จะดำเนินการจับสลากทันเมื่อดำเนินการจับสลากคัดเลือกในระยะแรกแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้นจะสามารถส่งมอบได้ตามเป้าหมายภายในสิ้นปี 2569
“สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการการจับสลาก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ ว่าการจับสลากเพื่อหาผู้ได้รับสิทธิ “โครงการบ้านเพื่อคนไทย” จะเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน และมีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะช่วยให้โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” บรรลุเป้าหมาย ในการเป็นโครงการที่สร้างโอกาสให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม” นายสุรพงษ์ กล่าว