EGCO Group ชูศักยภาพ “โรงไฟฟ้า Yunlin” ไต้หวัน หนุนรายได้-เพิ่มพอร์ต RE แตะ 30% ในปี 73

ผู้ชมทั้งหมด 174 

“ไต้หวัน” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ รวมถึงมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ด้านลักษณะทางภูมิประเทศเป็นเกาะที่มีพื้นที่เล็กกว่าประเทศไทย 12 เท่า ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจีนประมาณ 160 กิโลเมตร มีจำนวนประชากรกว่า 23 ล้านคน มีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญทางเทคโนโลยี ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง

ปัจจุบัน ไต้หวัน ให้ความสำคัญกับ “การลดโลกร้อน” อย่างมาก โดยกำหนดเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ไต้หวันจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เป็น 20% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติในส่วนผสมพลังงานเป็น 50% ควบคู่ไปกับการลดการพึ่งพาถ่านหินเหลือ 30% ล่าสุด ปี ค.ศ.2025 ไต้หวัน เหลือโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพียง 2 แห่งเท่านั้น และในระยะสั้นปี ค.ศ. 2035 กำหนดที่จะมีพลังงานหมุนเวียน 15 กิกะวัตต์

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “การลดโลกร้อน” ไต้หวัน จึงเปิดกว้างการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ให้โอกาสบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในไต้หวันได้ถึง 100% แต่มีข้อแม้สำคัญคือจะต้องเลือกใช้วัสดุที่ผลิตในไต้หวันเป็นหลัก รวมถึงต้องดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รายแรกของประเทศไทย เล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจไฟฟ้าในไต้หวัน จึงเริ่มเข้าไปลงทุนในไต้หวันปลายปี 2562 ด้วยการเข้าถือหุ้นใน บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เล่าว่า EGCO Group ด้วยเล็งเห็นว่า ไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาดที่ชัดเจน การตั้งเป้าลดการพึ่งพานิวเคลียร์และถ่านหิน ผลักดันให้พลังงานสะอาดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบไต้หวันเป็นตำแหน่งที่มีลมแรงเป็น ลำดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งรัฐบาลไต้หวันได้ส่งเสริมการลงทุนแก่นักลงทุนต่างชาติ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว

Yunlin” ดำเนินการโดย บริษัท ยุนเหนิง วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Skyborn Renewables ถือหุ้น 31.98%, TotalEnergies ถือหุ้น 29.46% ,EGCO Group ถือหุ้น 26.56% และ Sojitz Corporation ถือหุ้น 12% ภายหลังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า (Electricity Business License – EBL) เพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2568

ปัจจุบัน บริษัท TotalEnergies รับหน้าที่หลักด้านการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operations and Maintenance – O&M) ในขณะที่บริษัท Skyborn Renewables ดูแลด้านงานบริหารจัดการโครงการ โดยในส่วนของผู้ถือหุ้นอีกสองราย EGCO Group และ Sojitz Corporation มีบทบาทให้การสนับสนุนด้านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและการบริหารธุรกิจในไต้หวัน รวมถึงตัดสินใจในการบริหารงานสำคัญต่างๆ ของโครงการ

Yunlin ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบไต้หวัน ห่างจากชายฝั่งตะวันตกของมณฑลหยุนหลินในไต้หวันเป็นระยะทางประมาณ 8 -17 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกของน้ำทะเลในช่วง 7-35 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 82 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย กังหันลม 80 ต้น กำลังผลิตต้นละ 8 เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิตทั้งหมด 640 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าของไต้หวันผ่านสถานีไฟฟ้าบนฝั่ง 2 แห่ง บริเวณตำบลไถซีและซื่อหู ในมณฑลหยุนหลิน เพื่อขายให้กับ Taiwan Power Company (TPC) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐอยู่ในระดับสูง ช่วง 10 ปีแรกของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) อยู่ที่ราว 7.1 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย และ 10 ปีถัดไป อยู่ที่ 3.5 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหน่วย ขณะที่ Yunlin มีศักยภาพผลิตไฟฟ้าได้ถึง 25 ปี ซึ่งหลังจากสิ้นสุดสัญญา PPA แล้ว ยังสามารถผลิตไฟฟ้าขยาในรูปแบบอื่นๆ เช่น Private PPA ได้อีกด้วย

Yunlin ยังเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่เป็นลำดับต้น ๆ หรือ ติด 1 ใน 5 ของไต้หวัน มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า 2,400 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคครัวเรือนไต้หวันมากกว่า 600,000 หลังคาเรือน คิดเป็น 90% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนทั้งหมดของมณฑลหยุนหลิน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี

ตลอดเวลาที่ผ่านมาโรงไฟฟ้า Yunlin เป็นผู้นำในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนในท้องถิ่น สมาคมประมงและมหาวิทยาลัยท้องถิ่นเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ

โครงการ “Yunlin ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งแห่งแรกของ EGCO Group ที่ดำเนินการในไต้หวัน นอกจากช่วยสร้างพลังงานสีเขียวให้กับไต้หวันแล้ว ยังช่วยเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนตามสัดส่วนการถือหุ้นให้ EGCO Group ประมาณ 170 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน ยังช่วยสนับสนุนให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573

ด้านผลการดำเนินงาน คาดว่า Yunlin จะสร้างกระแสเงินสดให้ EGCO Group เฉลี่ย 2,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 5 ปีแรกของการดำเนินโครงการเต็มรูปแบบ ซึ่งตามปกติแล้วช่วงไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ของทุกปี Yunlin จะมีผลประกอบการที่ดีเนื่องจากเป็นช่วงที่กระแสลมแรงส่งผลให้การผผลิตไฟฟ้ามีอัตราสูง ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – พฤษภาคม 2568) Yunlin มีอัตราการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) ประมาณ 35% ซึ่ง Capacity Factor เฉลี่ยในระดับที่สูงนี้ ยืนยันศักยภาพของพลังงานลมในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันและการสร้างรายได้ในอนาคต

ความสำเร็จจากการลงทุนใน Yunlin สร้างโอกาสต่อยอดการลงทุนโครงการอื่น ๆ ในไต้หวันในอนาคต เนื่องจาก Yunlin เปิดตลาดการลงทุนให้ EGCO Group ในไต้หวัน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการลงทุนพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน รัฐบาลไต้หวันรู้จัก EGCO Group ในฐานะนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพและมีความมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการให้สำเร็จ EGCO Group มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจากโครงการ Yunlin และมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง

ปัจจุบัน EGCO Group ได้เตรียมความพร้อม และแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ทั้งโครงการพลังงานหมุนเวียนและก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม ก็จะใช้องค์ความรู้ที่ได้จากโครงการนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการร่วมพิจารณาต่อไป

“Yunlin จะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมแล้ว แต่ EGCO Group ยังมองหาโอกาสลงทุนในโครงการอื่นๆเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งจะเป็นความร่วมมือกับพันธมิตร ในไต้หวันยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้ว่า Yunlin จะเป็นโครงการพลังงานลม แห่งแรกของไต้หวัน ที่ได้อัตราค่าไฟที่สูง และโครงการหลังๆจะมีค่าไฟถูกลง แต่ก็ยังมีอัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการลงทุน” ดร.จิราพร กล่าว

ทั้งนี้ กว่าที่ โครงการ “Yunlin” จะตั้งผงาดอย่างในปัจจุบันนั้น หลังประสบความสำเร็จในการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2568 และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าเพื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ รวมกำลังผลิต 640 เมกะวัตต์  เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2568 ทำให้ในปีนี้ EGCO Group สามารถรับรู้รายได้ได้เต็มปี

โครงการนี้ ผ่านบทพิสูจน์แห่งความเข้มแข็งและความสามารถในการปรับตัว (Tests of Resilience) ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และข้อจำกัด ด้านเทคนิคในการติดตั้งในพื้นที่ที่ท้าทายข้างต้น ทีมงานได้จัดทำแผนแม่บทระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ.2565 และสามารถดำเนินโครงการจนสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

แผนแม่บท ประกอบด้วย กำหนดการดำเนินงานที่ครอบคลุม การบริหารความเสี่ยง การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และการบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสีย โดยได้เพิ่มอุปกรณ์และกำลังคนในการดำเนินงานติดตั้งเป็น 2 เท่าในปี 2567 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการ Yunlin สำเร็จลุล่วงได้ตามกำหนดเวลาและงบประมาณ ตลอดระยะเวลาดำเนินการ โครงการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรในประเทศ (localization) การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยผลงานความภาคภูมิใจดังกล่าว EGCO Group จึงนำคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย เยี่ยมชมศักยภาพโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน โดยเฉพาะการเยี่ยมชมสถานีไฟฟ้า (Substation) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ซับซ้อนที่สุดของโครงการ Yunlin โดยทำหน้าที่รวบรวมพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากกังหันลม และเป็นจุดเชื่อมต่อหลักในการแปลงแรงดันไฟฟ้า ก่อนส่งเข้าสู่ระบบสายส่งของไต้หวันถือเป็นสถานีไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล ลดการใช้บุคลากรในพื้นที่

Yunlin คือ ภาพสะท้อนของความร่วมมือ ความมุ่งมั่น และความสามารถในการฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกันจนกลายเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพอันดับต้นๆของไต้หวัน