ผู้ชมทั้งหมด 126
“มนพร” กำชับ วิทยุการบินฯ เตรียม 4 มาตรการ รับมือพายุโซนร้อนวิภา ระหว่าง 20-24 ก.ค. นี้เกาะติดสภาพอากาศแปรปรวน หวั่นกระทบเที่ยวบิน

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนวิภา จากประเทศจีน กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบกับประเทศไทย บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ระหว่างวันที่ 20-24 กรกฎาคม 2568 นี้ ซึ่งต้องเผชิญปัญหาฝนตกหนัก อาจส่งผลต่อทัศนวิสัยทางการบิน อีกทั้งในหลายพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมเฉียบพลัน จึงได้มอบหมายให้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เกาะติดสถานการณ์สภาพอากาศแปรปรวน เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ โดยได้ออกมาตรการรองรับสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบการบิน เพื่อเพิ่มระดับของความปลอดภัย และระดับประสิทธิภาพในการจัดการจราจรทางอากาศ ตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้โดยสารและอากาศยาน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม
นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. กล่าวเพิ่มเติมว่า บวท.ได้ประสานและติดตามข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาการบินอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาวางแผนการจัดการจราจรทางอากาศ พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากพายุโซนร้อน “วิภา” 4 ด้าน ได้แก่ 1.ผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นต่อการให้บริการจราจรทางอากาศและการปฏิบัติการบิน เช่น การขอบินหลบสภาพอากาศ การจัดระยะห่างของเครื่องบินในขณะที่มีสภาพอากาศเลวร้าย การบินวนรอให้สภาพอากาศดีขึ้น หรือการขอเปลี่ยนเส้นทางบินไปยังสนามบินสำรอง เป็นต้น โดยได้กำชับให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ และขอให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

2.ผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นต่อการให้บริการเครื่องอำนวยความสะดวกการเดินอากาศ โดยให้เฝ้าระวังและเตรียมการรองรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น กระแสไฟฟ้าขัดข้อง ภัยจากพายุฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักจนทำให้น้ำท่วมขัง และส่งผลกระทบต่อระบบอุปกรณ์
3.ผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นต่อลักษณะทางกายภาพของสนามบิน เช่น ทางวิ่ง ทางขับ และอื่นๆ จนส่งผลต่อการให้บริการจราจรทางอากาศ โดยให้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับท่าอากาศยาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเตรียมการรองรับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
4.ผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นต่ออาคารสถานที่ของบริษัท เช่น หอควบคุมการจราจรทางอากาศ อาคารสถานีเครื่องช่วยการเดินอากาศ และอื่น ๆ โดยให้ตรวจสอบสภาพการใช้งาน ความมั่นคงแข็งแรง อีกทั้งได้กำหนดแนวทางการบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ เพื่อให้ทุกเที่ยวบิน เกิดความสะดวก คล่องตัว และเกิดความปลอดภัยทางการบินสูงสุด
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังทุกจังหวัดที่มีความเสี่ยง และให้ความช่วยเหลือในกรณีอุทกภัยที่ส่งผลให้ถนนตัดขาดระยะสั้น รวมทั้งรายงานเตรียมความพร้อม เพื่อยกระดับการเฝ้าระวังตลอดเวลา สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางในช่วงนี้ อาจต้องพบกับความล่าช้าของเที่ยวบินบ้างในบางช่วงเวลา ในกรณีที่ฝนตกหนักหรือสภาพอากาศแปรปรวนในบริเวณสนามบิน อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และข้อมูลข่าวสารจากสายการบิน ท่าอากาศยานอย่างใกล้ชิด หากมีการปรับตารางการบิน หรือยกเลิกเที่ยวบิน ทั้งนี้ ขอให้เผื่อเวลาการเดินทาง เพื่อให้ทุกท่านสามารถเดินทางได้ตามกำหนดเวลา