เปิดรับสมัครตำแหน่ง “ผอ.สกนช.” รอบที่ 3 ถึง 8 ส.ค. 2568

ผู้ชมทั้งหมด 230 

อนุกรรมการสรรหาฯ ประกาศเปิดรับสมัครตำแหน่ง “ผอ.สกนช.” รอบที่ 3 ถึง 8 ส.ค. 2568 นี้ หลังผลพิจารณา 2 รายชื่อก่อนหน้านี้ ไม่ผ่านเกณฑ์คัดเลือก หวังสิ้นปีนี้ สถานะกองทุนน้ำมันฯกลับมาเป็นบวก

อนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ประกาศเปิดรับสมัครตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” หรือ ผอ. สกนช. เป็นครั้งที่ 3 หลังจากประสบปัญหาการดำเนินการเปิดรับสมัครไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ส่งผลให้ต้องเปิดรับสมัครครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้ผ่านคุณสมบัติได้เข้ารับการคัดเลือกและแสดงวิสัยทัศน์ คือ 1. พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ 2. นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน

โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติออกประกาศผลการพิจารณาคัดเลือก ผอ.สกนช. ครั้งที่ 2 นี้ว่า ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ส่งผลให้อนุกรรมการสรรหาฯ ต้องประกาศเปิดรับสมัคร ผอ.สกนช. เป็นครั้งที่ 3

ผู้สื่อข่าวรายงายว่า นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ประธานอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  ได้ประกาศ “เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” จนถึงวันที่ 8 ส.ค. 2568 นี้

โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ผอ.สกนช. จะมีวาระการดำรงตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี หากมีอายุไม่เกิน 65 ปี อาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน ซึ่ง ผอ.สกนช.จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์

ส่วนผลตอบแทนจะแบ่งเป็น เงินเดือนประจำ 1-2 แสนบาทต่อเดือน และประโยชน์ตอบแทนอื่นที่จ่ายเป็นตัวเงิน ไม่เกิน 25% ของเงินเดือนประจำ

ขณะที่ สถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 20 ก.ค. 2568 ติดลบอยู่ที่ 30,445 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน มีอยู่ที่ 13,431 ล้านบาท  ส่วนบัญชี LPG ติดลบ 43,876 ล้านบาท

โดยกองทุนฯ มีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดส่งเข้ากองทุนฯ รวม 173.52 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 5,205 ล้านบาทต่อเดือน) ซึ่งมาจากผู้ใช้น้ำมัน 153.86 ล้านบาทต่อวัน (ประมาณ 4,615 ล้านบาทต่อเดือน) และมีเงินไหลเข้าจากโรงแยกก๊าซ 19.66 ล้านบาทต่อวัน (คิดเป็น 589 ล้านบาทต่อเดือน)

ดังนั้น คาดการณ์ว่าภาพรวมกองทุนฯ จะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน ธ.ค. 2568 แต่ขณะเดียวกัน ยังต้องเร่งใช้หนี้เงินกู้สถาบันการเงินที่กู้มารวม 105,333 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังเหลือหนี้ที่ต้องใช้คืนอีก 53,749 ล้านบาท