“สุรพงษ์” มั่นใจรัฐบาลไหนก็จะสานต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

ผู้ชมทั้งหมด 43 

“สุรพงษ์” มั่นใจรัฐบาลไหนก็จะสานต่อนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายแน่นอน พร้อมรองรับผู้โดยสารไร้ปัญหาความถี่ ขบวนรถไม่พอ

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ อาคาร 1 สำนักงานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ถนนพระราม 9 กรุงเทพมหานคร นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังร่วมแสดงความยินดีแก่ รฟม.เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้ง รฟม.ครบรอบ 33 ปีว่า กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอย่างเต็มที่ และเวลานี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย 3ฉบับ เพื่อรองรับการดำเนินงาน คือ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …. ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาฯแล้ว เหลือ ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….  คาดว่าจะจบได้ภายในสัปดาห์หน้า

“เมื่อกฎหมายทั้ง 3 ฉบับแล้วเสร็จ จะช่วยสนับสนุนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท อย่างสมบูรณ์ โดยมีรฟม. ในฐานะองค์กรของรัฐเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าทุกสายทุกสีทั้งประเทศ  เมื่อเป็นเช่นนี้ในปีหน้า รฟม. จะมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และกลายเป็นเศรษฐีใหม่ทันที”นายสุรพงษ์ กล่าว และว่า  แม้ว่ากระทรวงคมนาคมเป็นหัวของรฟม.และระบบต่างๆ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ผ่านกระทรวงก็จริง แต่ต้องร่วมกับหลายหน่วยงาน ส่วนที่มาวงเงินในการซื้อรถไฟฟ้าคืนนั้นขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลงเอง แต่ยืนยันว่ารัฐต้องเป็นเจ้าของ หากจะมีการยกเลิกสัญญาสัมปทานหรือไม่ในอนาคต เป็นเรื่องที่ไม่ขอก้าวล่วง

สำหรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทนั้น เมื่อเริ่มดำเนินนโยบายคาดว่าจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 30-35 % จากปัจจุบันที่มีผู้โดยสารรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสูงถึง 44,162,043 คน-เที่ยว ทั้งนี้ได้สั่งการให้ผู้รับสัมปทานเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีซึ่งจะมีหน้าที่สำคัญในการให้ข้อมูลและดูแลผู้ใช้บริการ รวมถึงจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า ลดเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง ส่วนการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มมีอยู่ในแผนอยู่แล้วแต่ต้องใช้เวลา

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความพร้อมขบวนรถไฟฟ้ารองรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทนั้น เรื่องความถี่ไม่น่ากังวล ถ้ามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมา สามารถปรับความถี่สูงสุดทุก 2.5 นาทีต่อ1 ขบวนรถได้ ส่วนการเตรียมความพร้อมการจัดการการให้บริการ มีกรมการขนส่งทางรางดูแลอยู่แล้ว และจำนวนผู้โดยสารก็เป็นการประมาณการณ์ตั้งแต่กรณี PM. 2.5 ไม่ต่างจากนี้ไม่น่ามีปัญหา สำหรับฟีดเดอร์ เชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า นั้น ขสมก.ได้มีการจัดหารถเมล์ใหม่เพิ่ม 1,500 คัน เป็นรถอีวี เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการแล้ว

ต่อข้อถามว่า กรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทหรือไม่นั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นโยบายรถไฟฟ้า20 บาทเป็นนโยบายสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดเข้ามาก็จะต้องสานต่ออย่างแน่นอน เพราะเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง แม้ว่าจะไม่ใช่การเอาเงินไปให้ แต่ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และแบ่งเบาค่าครองชีพของประชาชนอย่างมาก

ด้านนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี  ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า โครงการในอนาคตที่ รฟม. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย – ลำสาลี (บึงกุ่ม) อยู่ระหว่างการปรับแบบ คาดว่าจะสามารถเสรอครม.ขออนุมัติโครงการได้ช่วงเดือน ธ.ค.68

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเงิน ช่วงบางนา – สุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงวัชรพล – ทองหล่อ ที่ กรุงเทพมหานครได้รับการออกแบบให้เป็นขนส่งมวลชนระบบรอง (Feeder Line) ทั้งหมด เพื่อเติมเต็มโครงข่ายได้อย่างสมบูรณ์นั้น รฟม.ได้รับเอกสารส่งมอบมาเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการทบทวนรายละเอียดที่กรุงเทพมหานคร ได้ศึกษาไว้ ทั้งรูปแบบและความเหมาะสม เนื่องจากมีการศึกษาออกแบบไว้เมื่อ3-4 ปี มาแล้ว ขณะนี้พื้นที่ทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไปจึงจำเป็นต้องนำกลับมาทบทวนใหม่ ทั้งรูปแบบและต้นทุนค่าก่อสร้างให้สอดคล้องกับนโยบายอัตราค่าโดยสารราคาเดียว 20 บาทตลอดสาย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ1 ปีก็พร้อมที่จะนำเสนอขออนุมัติโครงการเพื่อดำเนินการต่อไป

ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีฟ้า ช่วงดินแดง – สาทร ตามแผนแม่บทกำหนดให้อยู่ในการดำเนินการระยะถัดไป ดังนั้นทางรฟม.จะขอดู ความพร้อมในการพัฒนารถไฟฟ้าสายหลัก ว่าจำนวนผู้โดยสารว่าเป็นอย่างไรคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1ปีจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนในเมืองหลักภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดพิษณุโลก อยู่ในขั้นตอนทบทวนและปรับปรุงผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการฯ ให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากปัจจัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการกำหนดอัตราค่าโดยสารเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ย่อมส่งผลต่อการประเมินมูลค่าการลงทุนโครงการ และการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร

นอกจากนี้ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีความก้าวหน้างานโยธา 59.49% และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความก้าวหน้างานโยธา 14.06% ความก้าวหน้างานระบบรถไฟฟ้า 6.38% (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568)