“สุริยะ-มนพร” อำลาตำแหน่งรมว. – รมช. คมนาคม ชี้ผลงานที่ภูมิใจขยายถนนให้ประชาชนได้รับความสะดวก-ปลอดภัยในการเดินทาง และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสีแดง สายสีม่วง ขยายเวลาถึง 30 ก.ย. 69 ส่วนรถไฟฟ้า 20 บทตลอดสายสีอื่นๆ นั้นขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจของรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมฝากรัฐบาลใหม่ปิดจ๊อบสร้างถนนพราม 2 ให้ได้ตามกำหนดภายในปีนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10. 00 น.วันที่ 10 ก.ย.ที่ห้องประชุม 2 ชั้น 4 กระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนางมนพร เจริญศรี รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงคมนาคม จากนั้นได้กล่าวอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กับคณะผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงาน และข้าราชการกระทรวงคมนาคม เมื่อแล้วเสร็จคณะผู้บริหารได้ทยอยมอบดอกไม้ให้กับรัฐมนตรีทั้ง 2 เพื่อเป็นการอำลา ก่อนที่นายสุริยะ และนางมนพร จะเดินลงมาด้านหน้ากระทรงคมนาคม เพื่อขึ้นรถกลับออกจากกระทรวงไป โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมจำนวนมาก รอมอบดอกไม้เพื่ออำลาตลอดเส้นทางที่เดินลงมาจนถึงขึ้นรถออกไป ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดการปฏืบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม
นายสุริยะ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษที่ผ่านมาในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตนและรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 ได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถ และทำงาอย่างเต็มที่ เพื่อให้กระทรวงคมนาคมเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ซึ่งจะเห็นได้จากหลายเรื่องที่ได้ทำยุทธศาสตร์ และประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระบบรางต่างๆ หากมีการสานต่อจะช่วยพัฒนาการขนส่งโลจิสติกส์จากการขนส่งทางบกที่มีราคาสูงมาสู่ระบบรางได้


นอกจากนี้ ยังได้มีการแก้ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนเผชิญหน้าในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การแก้ปัญหาความแออัดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่เคยมีคิวยาวเหยียดต้องรอนาน ก็ได้มีการติดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกและประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อเพิ่มช่องทางเข้า-ออก ให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้น
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย นั้นไม่มั่นใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่จะดำเนินโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร ตนก็เคารพในการตัดสินใจ เพราะรัฐมนตรีคนใหม่จะเป็นผู้มาดูในภาพรวมอีกครั้ง
นายสุริยะ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่อยากฝากรัฐมนตรีชุดใหม่คือ ช่วยกันผลักดันโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลาภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงฝากนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยติดตามอย่างใกล้ชิด เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยให้ประชาชนเดินทางลงภาคใต้ได้อย่างสะดวกมากขึ้น
สำหรับผลงานที่ภูมิใจ คือ การขยายถนนจาก 2 ช่องจราจร (เลน) เป็น 4 เลน ให้ประชาชนในท้องถิ่นในสัญจรได้อย่างสะดวกและมีความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สายสีแดงและสายสีม่วงด้วย ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติขยายเวลาดำเนินโครงการไปจนถึง กันยายน 2569 แล้ว
ด้าน นางมนพร กล่าวว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ถือเป็นนโยบายปักธงของรัฐบาลเดิม หากเปรียบเสมือนมวยก็ยก 4 ที่แล้วเหลือแค่ยก 5 เท่านั้น ซึ่งเวลานี้การผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางราง, ร่าง พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ของวุฒิสภา
ทั้งนี้จากการประสานงานเบื้องต้นทราบว่าในชั้นวุฒิสภา จะผลักดันกฎหมายดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ถึงแม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินนโยบายนี้ต่อหรือไม่ก็เคารพการตัดสินใจ แต่อย่างน้อยเมื่อกฎหมายทั้ง 3 ฉบับแล้วเสร็จไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็สามารถหยิบไปใช้กับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ ซึ่งทุกๆ นโยบายที่รัฐบาลเดิมทำมา เพื่อต้องการเห็นผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในทุกมิติ
นางมนพร กล่าวว่า สำหรับการผลักดันกฎหมายสำคัญต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคม ขณะนี้ พ.ร..บ. การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ…. ที่ไม่ได้มีการแก้ไขมากว่า 70 ปีแล้ว อยู่ในชั้นรับหลักการของวุฒิสภาแล้ว เข้าใจว่าไม่เกิน 30 กันยายนนี้ ก็จะพิจารณาแล้วเสร็จและเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวาระ 2 และวาระ 3 จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศใช้ต่อไป ซึ่งจะช่วยให้การท่าเรือฯมีความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น
ส่วน ร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) อยู่ระหว่างการเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะสนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริจด์) ถือเป็นหนึ่งในเมกกะโปรเจคต์ของกระทรวงคมนาคม จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการสานต่อ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอายุของรัฐบาลที่มีการสัญญากันประชาชนว่าจะอยู่เพียงแค่ 4 เดือน จะสามารถผลักดกันนโยบายต่างต่อหรือไม่ เพราะมีเรื่องของกฎหมายที่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา แต่ในยุครัฐฐาลเดิมก็ได้เริ่มทำเป็นรูปเป็นร่างและสามารถนำไปต่อยอดให้เป็นผลสำเร็จได้