CAAT โชว์ผลตรวจสอบจาก ICAO ไทยได้คะแนนความปลอดภัยการบินสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลก

Loading

CAAT โชว์ผลตรวจสอบจาก ICAO ไทยได้คะแนนความปลอดภัยการบินสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลก ทำคะแนนเฉลี่ยได้สูงถึง 91.35% พร้อมเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค

พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เปิดเผยว่า การตรวจสอบระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินพลเรือน ภายใต้โครงการ USOAP CMA (Universal Safety Oversight Audit Programme – Continuous Monitoring Approach) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568  นั้น นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยถูกประเมินด้วยชุดคำถามมาตรฐานใหม่ PQ2024 Edition ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปี 2567 ถือเป็นความท้าทายสำคัญของระบบการกำกับดูแลความปลอดภัยของไทย

โดย ICAO ได้ตรวจสอบทั้ง 8 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมาย, หน่วยงานกำกับดูแล, การออกใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่, การปฏิบัติการบิน, ความสมควรเดินอากาศ, การสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์, การบริการการเดินอากาศ และสนามบินและเครื่องช่วยการเดินอากาศ

ผลการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Results) ผลปรากฏว่าอย่างไม่เป็นทางการว่าไทยสามารถทำคะแนนเฉลี่ยได้สูงถึง 91.35% ซึ่งสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของทั้งโลก เกือบ 20% ซึ่งคะแนนเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ประมาณเพียง 70 .50 %  เท่านั้นส่งผลถึงความเชื่อมั่นของสายการบินต่างประเทศที่จะบินเข้ามายังไทย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยด้านอุตสาหกรรมการบินในระยะยาว

ทั้งนี้ หากดูจากตารางคะแนนแล้วจะพบว่า ไทยสามารถทำคะแนน สูงขึ้นในทุกด้าน ที่สำคัญยังได้คะแนนเต็ม 100% ใน 2 ด้าน ได้แก่ กฎหมายการบิน (LEG) และ โครงสร้างองค์กรกำกับดูแล (ORG) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยมี มีมาตรฐานการบินที่เป็นสากล มีระบบกฎหมายการบินที่เป็นมาตรฐานสากล และพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายการบินในทุกด้าน สำหรับคะแนน Preliminary ดังกล่าวสะท้อนถึงความก้าวหน้าของไทยในการยกระดับระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินพลเรือนให้อยู่เหนือกว่ามาตรฐานโลกอย่างมีนัยสำคัญ และการพัฒนาการด้านความปลอดภัยการบินของไทย

พลอากาศเอก มนัท กล่าวว่า ผลการตรวจสอบดังกล่าวไม่ได้คะแนนมาง่ายๆ แต่เกิดจากความทุ่มเทของทุกฝ่ายทั้งบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมท่าอากาศยาน สถาบันการบินพลเรือน สายการบิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทย ซึ่งทำทุกวิถีทางให้เห็นว่าเรามีความพร้อมและความตั้งใจจริงที่จะกำกับดูแลด้านมาตรฐานความปลอดภัยการบิน

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปเมื่อมกราคม 2558: ไทย (กรมการบินพลเรือน) ได้รับการตรวจสอบ พบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ 33 ข้อ (Significant Safety Concern – SSC) ส่งผลให้ ICAO ประกาศติดธงแดง คะแนน EI อยู่ที่ 33.53% จากนั้นกันยายน 2560 :CAAT แก้ไขข้อบกพร่องทั้งหมด ICAO ยกเลิกธงแดง คะแนน EI เพิ่มเป็น 41.11% ต่อมาเมื่อพฤษภาคม 2562 แก้ข้อบกพร่องคงค้างครบถ้วน (ยกเว้นด้าน AIG เนื่องจาก ICAO ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในด้าน AIG) คะแนน EI เพิ่มเป็น 65.83% และเมื่อกันยายน 2564: ICAO ตรวจสอบเฉพาะด้าน AIG (Offsite Validation) คะแนน EI อยู่ที่ 66.08%

ขณะที่มกราคม 2565 : ICAO ปรับชุดคำถาม PQ2020 ซึ่งมาทดแทนชุดคำถามฉบับปี 2017 (PQ2017 Edition) สำหรับการตรวจสอบในโครงการ USAOP-CMA และมีผลกระทบต่อค่า Effective Implementation (EI) ของทุกประเทศจากเดิม ส่งผลให้คะแนน EI ไทยปรับลดลงเป็น 61.6% และกรกฎาคม 2568: ICAO ประกาศใช้ชุดคำถามใหม่ PQ2024 ซึ่งเป็นเกณฑ์ล่าสุดสำหรับการตรวจสอบการตรวจสอบ USOAP CMA ครั้งนี้ นับเป็นการตรวจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งประเทศไทยได้แสดงศักยภาพด้านการกำกับดูแลความปลอดภัยการบินพลเรือนที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดย ICAO จะส่งร่างรายงานให้ตรวจสอบ 90 วัน หลังตรวจสอบเสร็จ และจะประกาศคะแนนอย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ของ ICAO ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2026

“ผลคะแนน Preliminary ในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการบินพลเรือนของไทยให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมการบินของประเทศร ซึ่งคะแนนที่ได้รับสูงมากก็แสดงให้เห็นว่าไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค (Aviation Hub )” พลอากาศเอก มนัท กล่าว